วิกฤตการณ์ทางปัญญา
ถ้าจะถามว่า...อะไรคือ วิกฤติ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดสำหรับสังคมไทยทุกวันนี้...คำตอบน่าจะหนีไม่พ้นไปจาก วิกฤติทางปัญญา นั่นแหละท่าน!!! ทั้งๆ ที่น้ำท่า ข้าวปลา บริบูรณ์ไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง แถมพระสยามเทวาธิราชท่านยังช่วยปกป้องให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้งกี่หน ต่างไปจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือนานาประเทศ ที่ต่างก็ต้องเจอกับโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น มิแลเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพามาโดยตลอด...
-------------------------------------------
แต่ถึงกระนั้น...ก็ด้วยการเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความเก่ง ความฉลาด เห็นความดีเป็นความหน่อมแน้ม ความซื่อบื้อ ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันก็เลยยังเคลื่อนไม่พ้นไปจาก สถานีทักษิณ ซะที ภายใต้บรรยากาศทางการเมือง อันสุดแสนจะน่าเบื่อหน่าย น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ สงสัยคงต้องเดินก้มหน้านับไม้หมอนออกจาก สถานีทักษิณ ไปตามลำพัง แต่จะตั้งหน้าดุ่มๆ ทะลุออกไปนอกโลก นอกอวกาศ อย่างเท่าที่เคยเป็นมา ก็อาจจะฝืนตัวเองไปนิด เอาเป็นว่า...ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยการหันไปหยิบเอาเรื่อง วิกฤตอโอเน็ต มาชำแหละกันดูซักที...
------------------------------------------------
อันที่จริงในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ กับ วันพิพากษา คดียึดทรัพย์นั่นแหละ รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ของคุณ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางทีวีสีช่อง 3 ท่านเคยนำเอาความพิลึกกึกกือของการออกข้อสอบที่ใช้ใน การเข้าสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ย่อๆ ว่า โอเน็ต ในปีนี้ มาตีแผ่ หรือ ประจาน กันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเพียงแต่แค่ใช้ สัญชาตญาณ หรือ สามัญสำนึก ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ก็น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่าบรรดาผู้ซึ่งทำหน้าที่ออกข้อสอบให้กับเด็กนักเรียนชั้น ม.6 ทั่วประเทศทำการสอบนั้น ก็คือ ผู้ที่มีปัญหา หรือเป็น ตัวปัญหา ของเรื่องราวทั้งสิ้นทั้งปวง ไม่ใช่เป็นเพราะเด็กๆ ที่เข้าสอบเป็นเด็กที่มีระดับสติปัญญาตกต่ำกว่าปกติ หรือเป็น เด็กมีปัญหา ใดๆ แม้แต่น้อย...
----------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ต่อให้เอาบรรดาข้อสอบโอเน็ตเหล่านี้ไปให้ท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนักเรียนออกซะฟอร์ด หรือกระทั่งดอกเตอร์ทางอาชญวิทยา ที่ทั้งฉลาด ทั้งโกง อย่าง พระเจ้ามูลเมือง เอาเลยก็เถอะ ให้ลองเลือกคำตอบขีดถูก ขีดผิด ในแต่ละข้อ รับรองว่า...ยังไงๆ ก็คงต้องส่ายหน้าแบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ กันไปทุกราย ไม่ว่าจะเป็นคำถามประเภทที่ว่า 1.นักเรียนอยากคบเพื่อนแบบใด? ก.เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ข.เอาใจเขามาใส่ใจเรา ค.อัธยาศัยดี ง.มีน้ำใจ (ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว) หรือ 2.น.ส.นิดเป็นคนสวยมาก มีชายหนุ่มมาติดพันหลายราย น.ส.นิดชอบเที่ยวกลางคืน ต่อมา น.ส.นิดท้องไม่มีพ่อ อยากทราบว่าทำไม น.ส.นิดจึงมีเพื่อนชายมาติดพัน ก.น.ส.นิดเป็นคนสวยมาก ข.น.ส.นิดมีอัธยาศัยดี ค.น.ส.นิดปฏิเสธไม่เป็น ง.น.ส.นิดชอบเที่ยวกลางคืน...??? ??? ???
----------------------------------------------------
เจอเข้าแค่ 2 ข้อนี้เท่านั้น...ก็เรียกว่า ตายแล้ว!!! จะไปตอบแบบคุณ สามวาสองศอก คือ ถูกทุกข้อ ไม่ได้เด็ดขาด มีแต่จะต้องรับประทานไข่กันไปทุกราย ส่วนจะขีดข้อไหนให้เป็นคำตอบที่ถูกที่สุด อาจต้องหาเวลาไปกวดวิชากับวัดธรรมกายโน่นแหละ คือระดับต้องสามารถถอดดวงจิตจากบริเวณใต้รูสะดือ ไปสิงสถิตอยู่ในมันสมองของผู้ออกข้อสอบเท่านั้น ถึงจะรู้ได้อย่างถ่องแท้ แน่นอน ว่าข้อไหนมันถึงเป็นข้อที่ถูกต้องที่สุดจริงๆ นี่ยังไม่รวมถึงคำถามประเภทที่ก่อให้เกิดความรู้สึก เปรี้ยวเท้า ซึมซ่านลงไปสู่ฝ่าตีนน้อยๆ ของเด็กๆ อีกไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบคำถาม ไม่ว่าคำถามถึงจินตนาการว่าด้วยการสร้างฉากละคร ตอนพระฤาษีเสด็จลงไปช่วยสุดสาครที่สุดจะมั่ว สุดจะมึนซ์ซ์ ชนิด อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยังต้องร้องไห้ คำถามว่าด้วยวิธีการซักผ้าว่าจะต้องแช่ผ้ากันกี่ชั่วโมง กี่คืน โดยไม่ได้ระบุระดับความสกปรกใดๆ ลงไปด้วย หรือคำถามว่าด้วยการทำอาหารวันเกิดให้แม่ ให้กับชาวต่างประเทศ ฯลฯลฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น เรื่องของกู หรือเรื่องที่ผู้ออกข้อสอบเท่านั้น จึงจะสามารถรู้ได้ว่าควรจะตอบข้อไหนกันแน่??? ส่วนเด็กๆ ทั้งหลาย...ก็ได้แต่นั่งเกาเท้า เกาตีน ไปตาม เรื่องของมึง กันเป็นรายๆ
---------------------------------------------------------
แต่ที่ยิ่งสุดแสนจะ เปรี้ยว หนักขึ้นไปใหญ่ ก็คือเมื่อเกิดรายการโวยวายของเด็กๆ ตลอดไปจนถึงผู้ปกครอง ว่าข้อสอบดังกล่าวเต็มไปด้วยความวกวน ขาดความสมเหตุสมผล และเป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเด็กๆ ชั้น ม.6 เท่านั้น ปรากฏว่า...ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) รองศาสตราจารย์ ดร. อุทุมพร จามรมาน ในฐานะผู้รับผิดชอบ ได้ออกมาแอ่นอก ยืนยัน ถึง ความมีมาตรฐานในการเรียนรู้ทุกประการ แถมยังคุยโวถึงความก้าวหน้า ทันสมัย ในการเรียน การสอน การทดสอบ ที่มุ่งหมายจะให้เด็กๆ เกิดขีดความสามารถในการวิเคราะห์ การเชื่อมโยง การบูรณาการ อะไรต่อมิอะไรตามประสาของ นักการศึกษา ประเภทเพ้อๆ ทั้งหลายผู้ซึ่งมักจะสนุกสนานอยู่กับการลอกเลียนแบบระบบการศึกษา ชนิดที่ ท่านพุทธทาสภิกขุ เคยเรียกขานเอาไว้ว่า การศึกษาแบบหมาหางด้วน อะไรประมาณนั้น...
-------------------------------------------------------
คำถามก็จึงมีอยู่ว่า...เหตุใดผู้ออกข้อสอบ หรือสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ถึงได้ออกข้อสอบออกมาในลักษณะนี้ คำตอบก็จึงเหลืออยู่เพียงแค่ว่า ก.คนออกข้อสอบมีวาระซ่อนเร้น อันอาจจะ เชื่อมโยง หรือ บูรณาการ อยู่กับ โรงเรียนกวดวิชา ที่ตัวเองเป็นผู้รับจ้างสอนไปพร้อมๆ กับรับจ้างออกข้อสอบ ข.คนออกข้อสอบเป็นคนคนเดียวกับที่ช่วยทำเครื่องหมายสัญลักษณ์บนดินสอ ไม้บรรทัด ให้กับเด็กที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการเข้าสอบ ค.คนออกข้อสอบเป็นคนโรคจิต ง.คนออกข้อสอบ...บ้าไปแล้ว!!! อันนี้...ก็ขอความกรุณาให้ ดร.อุทุมพร หรือใครก็ได้ในสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ กรุณาช่วยตอบให้เป็นวิทยาทานด้วยเถิด และให้เลือกเอาแค่ข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ตอบผิดเมื่อไหร่ ไม่ใช่แค่ไม่ได้คะแนน ยังต้องถูกหักคะแนนติดลบ ให้สมกับที่ได้ก่อเวรก่อกรรมเอาไว้กับพวกเด็กๆ อีกด้วยต่างหาก...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก ท่านพุทธทาสภิกขุ..."การศึกษาชนิดหางไม่ด้วน...ก็คือการศึกษาเพื่อให้รู้จักการควบคุมความฉลาด การศึกษาที่ไม่ตามก้นฝรั่งวัตถุนิยม มีสติ ปัญญาอย่างไทย ไม่เป็นทาสทางปัญญาของนายทุน หรือแม้แต่ชนชั้นกรรมาชีพ โดยมีปรัชญาที่สบหลักกาลตามสูตร...".
---------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น