คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
| | |  | ต้องขอบคุณปัญญาชน นักวิชาการ และตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน 42 คน นำโดยนายสุลักษ์ ศิวรักษ์ ที่ออกมาขวางการที่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. จะจับนักเรียนและครู จำนวนสิบล้าน เจ็ดแสนคนไปสมาทานลัทธิธรรมกาย ด้วยการยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ ยับยั้ง การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ระหว่าง สพฐ. และ สมาคมพุทธศาสตร์สากล ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระมหามังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ซึ่งเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย ภายใต้ข้อตกลงที่มีชื่อเป็นทางการว่า “ บันทึกความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานศีลธรรมเชิงบูรณาการ “ ซึ่งฝ่ายธรรมกาย เป็นผู้ร่าง ไปตั้งแท่นรอให้นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ สพฐ. ลงนาม ผูกพันกับนายสันติ รุ่งสุขพลากร นายกสมาคมพุทธศาสตร์สากลนี้ ทางวัดพระธรรมกาย โดยผ่านนอมินีคือ ชมรมพุทธศาสตร์สากล จะสนับสนุนค่าใช่จ่ายทุกอย่าง รวมทั้งการจัดหาวิทยากร และให้ทุนการศึกษา เพื่อยกระดับมาตรฐานศีลธรรม แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา ผู้บริหาร ครู นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อนำมาซึ่งสังคมที่สงบ ร่มเย็น สามารถเป็นต้นแบบที่ดีแก่สังคมไทย และสังคมโลกสืบไป ฝ่าย สพฐ. มีหน้าที่หาคน คือ นักเรียน 10 ล้านคน ครู 7 แสนคน และผู้บริหารสถานศึกษา 30,000 แห่ง ไปรับการปลูกฝังลัทธิธรรมกาย ลัทธิบุญนิยม โดยมีของล่อใจคือ เงิน ในรูปทุนการศึกษาที่จะให้กับโรงเรียน นักเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมแล้วเป็นเงินประมาณ 1,300 ล้านบาท ข้อท้วงติงของกลุ่มนักวิชาการ และเอ็นจีโอ คือ วัดพระธรรมกายมีเจตนาอะไร ในการให้เงินถึงพันกว่าล้านบาท แลกกับการเอานักเรียนและครูไปอบรม และเหตุใด สพฐ . จึงเอาเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และครู ที่เป็ผู้นำทางการศึกษาถึง 10 ล้าน 7 แสนคน ไปรับการปลูกฝังความคิด ความเชื่อจากองค์กร ซึ่งมีข้อครหาว่า บิดเบือนพระธรรมวินัย ผิดไปจากแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และกระตุ้น ส่งเสริมให้คนหลงเชื่อ ในลัทธิ ใช้เงินซื้อบุญ เป็น การใช้เครื่องแบบของพระพุทธศาสนาสร้างลัทธิบูชาวัตถุนิยม ซึ่งอาจจะให้แก่นแท้พระศาสนาหายไป เมื่อความแตกออกมาเสียก่อนเช่นนี้ นายชินภัทรก็ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า จะนำเรื่องนื้ มาพิจารณาหารือถึงรายละเอียด ตามที่มีข้อท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม ทั้งนี้ตามหลักการแล้ว สพฐ. จะทำอะไรก็ตามที่เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาด้านคุณธรรม ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่าหากมีข้อทักท้วงก็พร้อมนำมาพิจารณา หากเป็นประชาชนทั่วไป จะเลื่อมใสศรัทธาลัทธิธรรมกาย หรือความเชื่อใดๆ ก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่สำหรับคนที่มีหน้าทีรับผิดชอบ การศึกษาของเยาวชนในระดับพื้นฐาน อย่าง เลขาธิการ สพฐ.แล้ว น่าจะต้องใช้ความรอบคอบ พิจารณาว่า อะไรก็ตาม ที่เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนพัฒนาด้านคุณธรรมนั้น เป็นของจริง ของแ ท้ หรือว่า เป็นของมีพิษ ที่ฉาบหน้าด้วยน้ำตาล ไม่ใช่ต้องให้มีผู้ทักท้วงเสียก่อน จึงนำกลับมาพิจารณาใหม่ แสดงว่า หากนักวิชาการ และเอ็นจีโอ ไม่ออกมาทักท้วง สพฐ.ก็จะยอมให้ธรรมกายเข้ามาปลูกฝังคติ ความเชื่อว่า เงิน เปิดประตูไปสู่สวรรค์ ได้ ให้กับนักเรียนและครู 10.7 ล้านเช่นนั้นหรือ ผู้บริหารระดับสูงในด้านการศีกษาอย่างเช่น เลขาธิการ สพฐ. ย่อมต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หลักธรรมคำสอน ทางพุทธศาสนา ในขั้นพื้นฐานเป็นอย่างต่ำ และสามารถจำแนก แยกแยะได้ว่า ลัทธิธรรมกายนั้น เป็นพุทธแท้ หรือพุทธเทียม ควรที่จะเอามาปลูกฝังให้กับนักเรียน และครูหรือไม่ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 วัดพระธรรมกายได้ออกเอกสาร อธิบายคำสินและกิจกรรมของตน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง พระพรหมคุณาภรณื หรือพระธรรมปิฎก ( ป.อ. ปยุตโต) ในขณะนั้น เห็นว่า เนื้อหาในเอกสาร จะก่อความเข้าใจผิดพลาดสับสนแก่ประชาชน ถึงขั้นทำให้พระศาสนาสั่นคลอนได้ จึงได้เขียนคำชี้แจง เรื่อง กรณีธรรมกาย เพื่อชี้แจงว่า คำสอนของวัดพระธรรมกายนั้น จาบจ้วงพระธรรมวินัยอย่างไร ซึ่งจะขอคัดลอกบางส่วนมาบันทึกไว้ ณ ทีนี้ ปัญหาของวัดพระธรรมกาย ส่วนที่กระทบต่อพระธรรมวินัย วัด พระธรรมกาย เผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น 1.สอนว่านิพพานเป็นอัตตา 2.สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกาย ที่เป็นตัวตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน 3.สอนเรื่องอายตนนิพพาน ที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดน ที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น คำสอนเหล่านี้ ทางสำนักพระธรรมกายสอนขึ้นใหม่ ผิดเพี้ยนออกไปจากธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า แต่แทนที่จะให้รู้กันตามตรงว่าเป็นหลักคำสอนและการปฏิบัติของครู อาจารย์ ทางวัดพระธรรมกายกลับพยายามนำเอาคำสอนใหม่ของตนเข้ามาสับสนปะปนหรือจะแทนที่ หลักคำสอนเดิมที่แท้ของพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่านั้น เพื่อให้สำเร็จวัตถุประสงค์ข้างต้น วัดพระธรรมกายยังได้เผยแพร่เอกสาร ที่จ้วงจาบพระธรรมวินัย ชักจูงให้คนเข้าใจผิด สับสน หรือแม้แต่ลบหลู่พระไตรปิฎกบาลี ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท เช่น -ให้เข้าใจว่าพระไตรปิฎกบาลี บันทึกคำสอนไว้ตกหล่น หรือมีฐานะเป็นเพียงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เชื่อถือหรือใช้เป็นมาตรฐานไม่ได้ -ให้นำเอาพระไตรปิฎกฉบับอื่น ๆ เช่น พระไตรปิฎกภาษาจีน และคำสอนอื่น ๆ ภายนอกมาร่วมวินิจฉัยพระพุทธศาสนาเถรวาท -ให้เข้าใจเขวไปว่า หลักการของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องอภิปรัชญาขึ้นต่อการตีความ และความคิดเห็น ตลอดจนการถกเถียงทางวิชาการ -อ้างนักวิชาการต่างประเทศ และการปฏิบัติของตน ดังว่าจะใช้วินิจฉัยหลักพระพุทธศาสนาได้ ฯลฯ อีกทั้งสิ่งที่ยกมาอ้าง เช่น คัมภีร์ของมหายาน และทัศนะของนักวิชาการตะวันตก ก็ไม่ตรงตามความจริง หรือไม่ก็เลื่อนลอย นอกจากนั้น ยังนำคำว่า “บุญ” มาใช้ในลักษณะที่ชักจูงประชาชนให้วนเวียนจมอยู่กับการบริจาคทรัพย์ เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ชนิดที่ส่งเสริมความยึดติดถือมั่นในตัวตนและในตัวบุคคล อันอาจกลายเป็นแนวโน้มที่บั่นทอนสังคมไทยในระยะยาว พร้อมทั้งทำพระธรรมวินัยให้ลางเลือนไปด้วย พฤติการณ์ของสำนักวัดพระธรรมกายอย่างนี้ เป็นการจาบจ้วง ลบหลู่ย่ำยีพระธรรมวินัย สร้างความสับสนไขว้เขวและความหลงผิดแก่ประชาชน ข้อความบรรยายต่อไปนี้ ได้เขียนไว้เพื่อเป็นทางแห่งการศึกษา ให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเป็นเหมือนคำขอร้องต่อชาววัดพระธรรมกาย ผู้ยังเห็นแก่พระพุทธศาสนา เมื่อรู้เข้าใจแล้ว จะได้หันมาร่วมกันทำบุญที่ยิ่งใหญ่ และสนองพระคุณบรรพบุรุษไทย ด้วยการรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์สืบไป | | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น