วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

พบ “นกพงปากยาว” หลังเชื่อสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 139 ปี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มีนาคม 2550 15:39 น.
นักปักษีวิทยา พบนกพงปากยาว ที่โครงการแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี หลังเคยมีรายงานค้นพบครั้งแรกที่อินเดีย เมื่อ 139 ปีก่อน และเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เตรียมศึกษาวงจรชีวิตเพิ่มเติมเริ่มจากอินเดีย พม่า ไทย

ผศ.ฟิลลิป ดี ราวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนก จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงว่า ได้มีการค้นพบนกพงปากยาว (Large-billed Reed Warbler ; Acrocephalus orinus) ในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้าเมื่อ 139 ปี ได้ถูกค้นพบนกดังกล่าวครั้งแรกที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย และยังมีเพียงตัวอย่างเดียวที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่อินเดีย ครั้งนี้ถือเป็นการพบนกโดยบังเอิญ เพียง 1 ตัวจากการติดห่วงใส่ขานกอพยพ และนกประจำถิ่นที่ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี

ผศ.ฟิลลิป กล่าวต่อว่า นกที่พบมีรูปร่างแปลกจากนกทั่วไป เป็นนกตัวเล็ก มีสีน้ำตาล แต่กลับมีปากยาว 20.6 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 9.5 กรัม ปีกยาว 64 มิลลิเมตร และหางยาว 16-18 มิลลิเมตร โดยตั้งสมมติฐานว่า มีลักษณะคล้ายนกพงปากยาวที่เคยมีรายงานเมื่อ 139 ปีที่อินเดีย จึงเก็บขนหางจำนวน 2 เส้น นำไปสกัดดีเอ็นเอ ส่งตรวจเปรียบเทียบกับตัวอย่างนก และได้รับการยืนยันว่า เป็นนกพงปากยาวชนิดเดียวกับที่เคยพบในอินเดีย ถือว่าสร้างความตื่นเต้น และเป็นเรื่องที่แปลกมากในวงการนักปักษี เพราะก่อนหน้านั้น เคยเชื่อว่า สูญพันธุ์ไปแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญด้านนก กล่าวว่า การประเมินจากดีเอ็นเอ คาดว่า อาจมีนกชนิดนี้อยู่ไม่เกิน 40 ตัว ในเขตพื้นที่อินเดีย พม่า และไทย ดังนั้น ทางทีมวิจัยเตรียมศึกษาเพื่อตามรอยนกตัวนี้ เพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรม นิเวศวิทยา ชีววิทยาการสืบพันธุ์ รวมทั้งขอบเขตการกระจายตัวของกลุ่มประชากร เนื่องจากปริศนาเรื่องพื้นที่ทำรังวางไข่และพื้นที่พักพิงในฤดูหนาวยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการมีตีพิมพ์ผลงานวิจัยเผยแพร่ในวารสารนานาชาติ Journal of Avian Biology 2007 โดย Philip D. Round, Bengt Hansson, David J. Pearson, Peter R. Kennerley and Staffan Bensch อีกทั้งยังมีการแถลงข่าวพร้อมกับประเทศไทย ในประเทศอังกฤษ และอินเดียด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของโลก

"นกพงปากยาว" หนึ่งในนกหายากสุดๆ โผล่ให้พบที่อัฟกานิสถาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2553 23:15 น.
คนรักนกตื่นเต้นดีใจไม่แพ้นักวิทยาศาสตร์ หลังผลตรวจดีเอ็นเอยืนยัน นกหายากที่พบในดินแดนอัฟกัน ที่แท้คือ "นกพงปากยาว" หนึ่งในนกหายากที่สุดของโลก เดิมเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 139 ก่อนพบอีกครั้งที่แหลมผักเบี้ย จนมาล่าสุดพบเพิ่มอีกราว 20 ตัว ในพื้นที่ห่างไกลของอัฟกานิสถาน ส่วนบนเกาะบอร์เนียวมีนกสปีชีส์ใหม่เพิ่งได้รับการค้นพบเมื่อปีที่แล้วด้วย

ทีมนักวิจัยของสมาคมนักอนุรักษ์สัตว์ป่า (Wildlife Conservation Society: WCS) นำโดย โรเบิร์ต ทิมมินส์ (Robert Timmins) สำรวจพบนกพงตัวเล็ก ปากยาว ขนสีน้ำตาล ในพื้นที่ห่างไกลแถบฉนวนวาคาร (Wakhan Corridor ) และแม่น้ำปาร์มีร์ ใกล้กับเทือกเขาปาร์มีร์ (Pamir Mountains) ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถาน ในปี 2008 และสะดุดกับเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของนกดังกล่าว จึงได้อัดเทปเก็บเอาไว้

หลังจากนั้นเขาได้ไปที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ในเมืองทริง (Natural History Museum in Tring) ประเทศอังกฤษ เพื่อตรวจสอบผิวหนังของนก ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่านกที่พบนั้นคือนกพงนาพันธุ์อินเดีย (Blyth's reed warblers) แต่กลับพบว่าไม่ใช่ และต่อมา ลาร์ส สเวนส์สัน (Lars Svensson) ผู้เชี่ยวชาญด้านนกพงและเสียงร้องของนกพงชาวสวีเดน ได้ฟังเสียงของนกพงที่ทิมมินส์อัดเทปไว้ บอกกับเขาว่านี่น่าจะเป็นการบันทึกเสียงของนกพงปากยาว (large-billed reed warbler) ได้เป็นครั้งแรก




นกพงปากยาว หนึ่งในนกชนิดที่หายากที่สุดในโลก ซึ่งเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 139 ปี ก่อนจะปีอีกครั้งในประเทศไทยเมื่อปี 2006 และล่าสุดสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) พบอีกครั้งกว่า 20 ตัว ในประเทศอัฟกานิสถาน (ภาพจาก เอพี/WCS)


ต่อมาในช่วงเดือน ก.ค. 2009 ทีมนักวิจัยได้กลับไปยังพื้นที่ในอัฟกานิสถานบริเวณที่พบนกดังกล่าวอีกครั้ง โดยในครั้งนั้นได้เตรียมตาข่ายดักนกไปด้วย และเปิดเสียงนกพงที่ทิมมินส์อัดไว้เมื่อปีก่อนล่อนกตัวอื่นๆ เข้ามา ซึ่งสามารถจับนกพงชนิดเดียวกันทั้งหมดได้ราว 20 ตัว แล้วเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากขนนกกลับไปตรวจพิสูจน์ในแล็บ

จากการเปรียบเทียบขนาด ลักษณะจากภาพถ่าย กับตัวอย่างที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และผลการตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันชัดเจนว่าฝูงนกที่พบนั้นเป็นนกพงปากยาวอย่างแน่นอน

โคลิน พูล (Colin Poole) ผู้อำนวยการสมาคมนักอนุรักษ์สัตว์ป่าภาคพื้นเอเชีย กล่าวว่า เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนกสปีชีส์นี้เลย ดังนั้นการค้นพบบริเวณที่มีนกเผ่าพันธุ์นี้อาศัยอยู่ เสมือนว่าเราแหล่งได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับนกพงปากยาว และความรู้ใหม่นี้ยังบ่งชี้ว่าบริเวณฉนวนวาคานยังเก็บงำความลับทางชีววิทยาเอาไว้อยู่ และนี่เป็นเรื่องสำคัญมากด้วยในอนาคตสำหรับการพยายามอนุรักษ์พื้นที่นี้เอาไว้ในอัฟกานิสถาน



นกพงปากยาว ที่พบในพื้นที่โครงการแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2006 (ภาพจาก บีบีซีนิวส์/เอเอฟพี)


ทั้งนี้ เอพีรายงานว่านกพงปากยาวถูกพบครั้งแรกในอินเดีย เมื่อปี 1867 จากนั้นไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลยจนเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเป็นเวลาถึง 139 ปี กระทั่งในปี 2006 มีรายงานการค้นพบนกพงปากยาวครั้งที่สองโดยบังเอิญ ในพื้นที่ของโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี ซึ่งพบเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น จนในปี 2006 องค์กรเบิร์ดไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Birdlife International) ในสหราชอาณาจักร ได้ระบุว่านกพงปากยาว เป็นนกที่หายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง

ล่าสุดพบนกดังกล่าวอีกครั้งในอัฟกานิสถานดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายการทำงานของนักอนุรักษ์ในประเทศอัฟกานิสถานอย่างยิ่ง เนื่องจากสงครามที่ยังครุกรุ่นอยู่ในอัฟกานิสถาน

นอกจากนี้ มีรายงานในบีบีซีนิวส์การค้นพบนกสปีชีส์ใหม่ในป่าดิบบนเกาะบอร์เนียว ในเขตประเทศมาเลเซีย โดยในรายงานข่าวระบุว่า ริชาร์ด เว็บสเตอร์ (Richard Webster) นักชีววิทยา จากมหาวิทยาลัยลีดส์ (Leeds University) ในอังกฤษ สังเกตเห็นนกดังกล่าวครั้งแรกในป่าขณะที่นกบินเกาะกิ่งไม้ที่สูงจากพื้นดินราว 35 เมตร



นกสปีชีส์ใหม่ที่นักชีววิทยาอังกฤษเพิ่งค้นพบในป่าบนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย เมื่อปีที่แล้ว (ภาพจาก บีบีซีนิวส์)


เว็บสเตอร์เห็นนกดังกล่าวกำลังจิกกินดอกของกาฝากบนต้นไม้ ซึ่งเป็นนกที่ขนาดเล็กพอๆกันนกกระจิบ ขนที่ลำตัวมีสีเทา และมีสีขาวบริเวณรอบดวงตา อก และท้อง

จากการวิเคราะห์นกชนิดนี้ในภาพถ่าย ดร.เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ (Dr David Edwards) ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาเขตร้อน ได้จำแนกนกชนิดนี้ให้เป็นสปีชีส์ใหม่ แต่เนื่องจากยังมีข้อมูลเกี่ยวกับนกนี้ไม่มากนัก จึงยังไม่มีการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ แต่หลังจากการพบครั้งแรกเมื่อช่วงฤดูร้านของปีที่แล้ว ทีมวิจัยก็พบเห็นนกชนิดนี้บ่อยครั้งขึ้น ซึ่งพวกเขาปักหลักทำงานกันในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์หุบเขาดานัม (Danum Valley Conservation Area) รัฐซาบาห์ ในมาเลเซีย

"การค้นพบนกสปีชีส์ใหม่ในบริเวณที่เป็นหัวใจของบอร์เนียว ย้ำให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพอันเหลือเชื่อของพื้นที่พิเศษแห่งนี้" อดัม โทมาเสก (Adam Tomasek) ผู้อำนวยการโครงการเฮิร์ท ออฟ บอร์เนียว ของดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ (WWF's Heart of Borneo) กล่าว



ไม่มีความคิดเห็น: