aod98
ข่าวสารที่น่าสนใจ เพื่อความรู้และความบันเทิงเปรียบเสมือนอาหารสมอง
วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553
สกู๊ปแนวหน้า
อิทธิพล"หมอดูทำนาย"ระวังสติแตก เชื่อแต่อย่างมงายเสี่ยงวิตกกังวล-โรคเครียด
"2012 วันสิ้นโลก"
จากผู้พยากรณ์ด้านโหราศาสตร์ทำนาย ว่า ความวินาศจะเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ในช่วง ค.ศ. 2000 จากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะในซีกโลกตอนเหนือ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นทะเลยักษ์ จะคร่าชีวิตคนหลายล้านคน
เริ่มต้นจากโศกนาฎกรรม 2004 เหตุการณ์ "สึนามิ" และรับปีเสือดุ ที่เกิด "แผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ ในประเทศเฮติ" โดยเกิดขึ้นอย่างฉับพลันรุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนเกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินสร้างความเศร้าสลดไปทั่วโลก
แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น การเกิดสุริยุปราคาที่หลายคนมีความ เชื่อว่า ปรากฏการณ์สุริยคราส หรือราหูอมพระอาทิตย์เป็นสิ่งอัปมงคล ส่งผลกระทบต่อชีวิตของสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ในแง่ลบ ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความวิตก ไม่สบายใจ
เช่นเดียวกับ...เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ออกมาทำนายทายทักด้วยเนื้อหาจากคำทำนายของหลายๆท่าน ชี้ว่า จะเกิดสงครามกลางเมือง นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารครั้งใหญ่ อีกครั้ง และยังจะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรง เขื่อนแตก น้ำท่วมมหาศาล ไปจนถึงเกิดพายุครั้งใหญ่อีกครั้ง รวมถึงข่าวการทำนายดวงเมืองหรือดวงบุคคลสำคัญที่ได้รับความสนใจ มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
สิ่งร้ายๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดจาก "การทำนายทายทัก" ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยไปแล้ว หรือแม้แต่กิจกรรมที่สำคัญต่อชีวิตของคนไทยก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์เกือบทั้งสิ้น เช่น การหาฤกษ์แต่งงาน การกำหนดวันเปิดกิจการใหม่ หรือการตัดสินใจปัญหาสำคัญ เป็นต้น บุคคลหลากหลายอาชีพทุกระดับชั้น ทุกเพศทุกวัย จากชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ชนชั้นกลาง จนถึงผู้นำระดับประเทศ จึงไม่อาจปฏิเสธได้ ว่า โหราศาสตร์หรือการทำนายดวงมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทยยุคปัจจุบัน โดยจะรู้สึกตัว หรือไม่ก็ตาม จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แม้เราจะไม่เชื่อ คนรอบข้างเราก็อาจจะเชื่อ การทำนายทายทักเป็นปัจจัย "ทำให้เกิดพลวัตในสังคมไทย"
ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มีการทำวิจัยเรื่อง"การศึกษาปัญหาสุขภาพจิตของผู้มารับบริการจากหมอดู : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้มารับบริการจากหมอดูของสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทย ระบุว่า คนไปหาหมอดูเพราะอยากรู้อนาคตมากที่สุด คาดหวังว่า เมื่อมาหาหมอดูแล้วทำให้สบายใจมากขึ้น คนส่วนใหญ่ เมื่อมีปัญหาจะไม่ไปรับบริการจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ เพราะไม่เชื่อว่าหน่วยงานดังกล่าวจะช่วยเหลืออะไรได้ เมื่อมีปัญหาคนส่วนใหญ่จะเลือกปรึกษาคนใกล้ชิดก่อน
รองลงมา คือ ปรึกษาหมอดู ส่วนนักสังคมสงเคราะห์จิตเวชอยู่อันดับสุดท้าย และจากงานวิจัยยังพบอีก ว่า คนจะดูหมอเรื่องการทำงานเรื่องคู่ครองและการศึกษามากที่สุด จะเห็นได้ว่าหมอดูมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษา ถ้าหมอดูมีความรู้ที่ถูกต้องในศาสตร์การทำนาย และมีความรู้ในสัจธรรมการดำเนินชีวิต ย่อมจะแนะนำผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิผล ในทางตรงข้ามถ้าหมอดูไม่มีความรู้ที่ถูกต้องในการทำนาย และการให้การปรึกษา อีกทั้งมีความเชื่อที่ผิดหลักความจริงตามธรรมชาติ ย่อมแนะนำให้ผู้ใช้บริการไปสู่ความเดือดร้อนในที่สุด
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงความเชื่อของคนไทยที่มีต่อโหราศาสตร์ ว่า ความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ทั้งนี้จำเป็นต้องเชื่อโดยมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผล มองอย่างรอบด้าน 360 องศา และต้องไม่ทำให้ตนเอง และคนรอบข้างเดือดร้อน เมื่อมองถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่เฮติ อยากให้มองว่า เป็นสัญญาณเตือนให้คนหันมาใส่ใจในความปลอดภัยของตนเอง และสังคมมากขึ้น รวมทั้งมองเห็นถึงความเอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนทั่วโลก ที่สะท้อนให้เห็นว่าคนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ในความมืดยังมีสิ่งที่สวยงาม ความรัก ความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้
เมื่อพูดถึงความเชื่อ ในเรื่องการทำนายทายทัก คนเราให้ความสนใจในเรื่องการทำนายทายทัก เพราะมีความสุขน้อยลง ขาดที่พึ่งทางใจ จึงจำเป็นต้องหาที่ยึดเหนี่ยว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด ทั้งนี้ อยากให้มองว่า ความเชื่อมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่อาจจะส่งผลในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัด และสุขภาพจิต เช่น หมอดู ทำนายว่า อนาคตคนในครอบครัว อาจจะมีอุบัติเหตุ จนต้องเสียสมาชิกในครอบครัวไป เหล่านี้อาจจะทำให้คนใช้บริการเกิดความวิตกกงวล คิดมาก จนเกิดความเครียดได้
แต่ถ้ามองในภาพรวมของสังคมก็อาจมองได้ ว่า การทำนายทายทักในทางลบแล้วบอกให้เข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรม หรือสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ศาสนาเข้ามาอยู่ในจิตใจของคนในสังคมได้มากยิ่งขึ้น ส่วนในระดับบุคคล สามารถมองได้ ว่า การทายทักในทางลบเป็นการช่วยเตือนให้เราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ต้องไม่เชื่อมาก จนทำให้ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นความหวาดกลัว ตื่นตระหนก ไม่กล้าที่จะทำอะไร ทำให้เสียหน้าที่การงาน จนเปิดโอกาสเป็นช่องทางให้ผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรา ทำให้ตนเองและครอบครัวต้องเดือดร้อน ซึ่งจะยิ่งทำให้ความทุกข์เข้ามาแทนที่อย่างไม่สิ้นสุด
ดังนั้นถ้าเรายึดมั่นในการทำความดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และรู้จักวิธีสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเอง เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอถ้าเรารู้จักมองวิกฤตให้เป็นโอกาส เราก็จะหาทางออกให้กับตนเองได้ทุกสถานการณ์ โดยคำทำนายจะเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้เราดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาททั้งด้านลบและด้านบวก
ด้าน นพ.เทอดศักดิ์ เดชคง จิตแพทย์ประจำกรมสุขภาพจิต กล่าว่า คนเราให้ความสนใจการทำนายทายทัก เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งภายใต้ความไม่รู้ และความอยากรู้ ทำให้คนเราพยายามหาข้อมูล เพื่อจะทำให้สบายใจขึ้น ความเชื่อ และคำทำนายต่างๆ เหล่านี้มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ด้านบวก คือ ทำให้เราเกิดกำลังใจ มีที่พึ่งในแง่จิตวิทยา การที่เรารู้ว่ามีทางออกในชีวิตจะช่วยสร้างความหวังกำลังใจให้เกิดขึ้นได้
ถ้ามองในแง่นี้คำทำนายที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเรื่องที่ดี และส่งเสริมสุขภาพจิตด้วย แต่ถ้าบางครั้งคำทำนายในลักษณะสร้างความตื่นตระหนกจนเกินไป หรือมองไม่เห็นทางออก เช่น การทำนายถึงวันสิ้นโลก การมองแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำตอนนี้สูญเปล่า ไม่มีความหวัง ถือเป็นความเชื่อที่ไม่สร้างสรรค์
ดังนั้นเราจึงควรแยกแยะให้ออก ว่า ความเชื่อใดเป็นความเชื่อที่ทำให้เกิดขวัญกำลังใจ ถ้าขวัญกำลังใจดีเราก็จะสามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆได้ สามารถวางแผนชีวิตของตนเองได้ ทำความดีและทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก รวมถึงมีกำลังใจที่จะทำงานให้เต็มกำลัง เราก็จะได้รับผลดี ส่วนคำทำนายที่ทำให้เราหดหู่จนเกินไปแถมยังทำอะไรไม่ได้ อาจต้องมีการจัดการ โดยรับรู้ให้น้อยลง หรือหาวิธีอื่นที่ทำให้สบายใจขึ้น โดยตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผล เช่น ถ้าเรามีเคราะห์ แล้วทำบุญ ทำทาน สร้างพระ ปล่อยนก ปล่อยปลา ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าต้องสะเดาะห์เคราะห์ มีพิธีกรรมหรือมีการบูชายันต์ที่ต้องสูญเสียเงินทองจนทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น ถือเป็นความเชื่อที่เป็นหนทางเพิ่มทุกข์และทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น
ความเชื่อเป็นธรรมชาติที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด แม้บางครั้งจะเป็นความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล แต่หากมนุษย์ลองปรับแนวคิดลองเปลี่ยนมุมมอง และคิดในแง่บวกว่า ปีเสือนี้ เป็นเสือรักสงบที่มีพละกำลังอำนาจพาเราก้าวผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ของปีนี้ไปอย่างสง่างามก็เป็นได้ ด้วยพลังของการคิดบวก และหากมองว่าปี "เสือ" เป็นสัญลักษณ์ และมีการกล่าวถึงความดุของเสือ มนุษย์ก็ควรระมัดระวังกันมากขึ้น และนำมาย้ำเตือนการดำเนินชีวิตไม่ให้ประมาท
SCOOP@NAEWNA.COM
วันที่ 22/1/2010
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น