ไทยสวยด้วยมือไทย
ประเทศไทย... ในมือ... คนชื่อไทย
จะยิ่งใหญ่... ยั่งยืน ทุกคืนค่ำ
อยู่ที่ไทย ขยัน ช่วยกันทำ
โดยผู้นำ ฉ่ำล้น ผลงานงาม
ไทยช่วยไทย ทำถูก ร่วมปลูกฝัง
สิ่งผิดพลั้ง ยั้งใจ ไม่หยาบหยาม
รักการให้ เสียสละ ประชันความ
เลศนัยห่าม ห้ามใจ เรื่องไม่ดี
ชีวิตไทย ทุกใจ ใฝ่ประเสริฐ
ความรักเกิด ร่วมกัน ทุกวันที่...
เสียสละ ให้อภัย เชื่อมไมตรี
ไทยจึงมี สีสวย ด้วยมือไทย.
สมเจตน์ สายแก้ว
..................
เพลินภาษาชาลี
เรียน คุณสามวา สองศอก ที่รัก
ขอบคุณที่เขียนเรื่องที่ผมถูกฉกลิขสิทธิ์เพลง ซึ่งเป็นหยาดเหงื่อแรงงานของผมไปทำมาหากิน วันนี้ผมมีข้อเขียนที่อยากจะเผยแพร่ในคอลัมน์ถูกทุกข้อ มีทั้งหมด 3 ตอน แต่ขอลงแค่ตอนแรก ถ้าถูกใจผู้อ่านก็จะขอลงอีก 2 ตอน แต่ถ้าตรงข้ามก็ขอลงแค่ตอนเดียวก็พอ หวังว่าคงจะได้รับความกรุณาจากคุณสามวาฯ
ชาลี อินทรวิจิตร
เพียงเธอรู้จัก ความรัก ดอกไม้ สายลม
แพนที่รัก
เกือบจะลืมหน้าแพนไปแล้วล่ะ แต่ก็ลืมไม่ลงเช่นเคย แถมยังคิดถึงครามครันด้วยโลกกว้างเกินไป สำหรับเราที่จะไปมาหาสู่กันนะแพน กระนั้นผมก็เชื่อว่าแพนคงสบายดี คงเป็นสุขและอบอุ่นอยู่กับครอบครัว
มีคำถามมากมายระหว่างผมกับสาลินี ที่เพื่อนๆ รวมทั้งแพนกังขากันเสมอมา วันนี้ผมจะเล่าจะเขียนให้แพนรับรู้ ทั้งๆ ที่สัญญากับใจไว้ว่าจะไม่ปริปาก ถ้าแพนเห็นว่าเรื่องของผม แพนควรจะสื่อให้เพื่อนรู้ก็ตามใจแพนเถอะ
สาลินีเมื่อสาวๆ สวยถลาโลก แพนเคยห้ามผมว่าอย่าแตะต้อง อาจจะเป็นเพราะผมเหงาคงงั้นมั้ง! ผมเคยพูดกับสาลินีแรงๆ เช่น
"ชีวิตคุณอยู่กับวิมานเมฆ คุณเป็นสุขชื่นฉ่ำอยู่กับชาวฟ้า คุณไม่เคยสัมผัสว่าดินกระด้าง แข็ง เย็นชืดเพียงใด"
เธอฟังผมพูดอย่างสงบนิ่ง แต่ก็ยังยิ้มให้
"คุณเป็นแบบฉบับที่ผมไม่ชอบ ฟุ้งเฟ้อละเมอหลงอยู่ในโลกปลอมๆ ที่ซื้อใจคุณไป จนไม่รู้จักความจริงอันเป็นแก่นแท้ของชีวิต"
เธอเอียงคอมองผมแบบจะยอมรับ หรือปฏิเสธก็ไม่รู้ได้ แล้วก็เมินหน้าไป
"ผมเป็นผม เป็นแบบฉบับที่คุณไม่อาจสัมผัสได้ ผมต่ำต้อยยากเร้นติดเส้นหญ้า" สาลินีหันขวับมาแตะนิ้วที่ริมฝีปากผมไม่ให้พูดต่อ
"แต่สายลมและตะวันก็เกี่ยวข้องกันในศิลปะ ธุรกิจในแวดวงเดียวกัน เพียงเราจะรู้จักสายลมละเมอ เล่นกีตาร์ร้องเพลงบนบ้านเนินเขา มองเห็นแสงดาวในทางช้างเผือก เพียงเราจะอยู่กับหยาดน้ำค้างยามเช้าตรู่ อยู่กับตะวันและป่าแดด"
เธอเน้นคำว่า "ตะวัน" ให้ผมรู้สึก ผมก็เลยต่อคำพูดของเธออีก 2-3 คำว่า "คนรักกันเห็นหน้าก็ฟ้าสวย เราจะช่วยกันค้นหาดอกไม้ป่า มาทัดหูให้คู่รักเท่านั้นเอง แม่ชาวฟ้าก็กลายเป็นผักตบในซบน้ำแห่งความรักทันที"
มนุษย์วกวน บางคนบางทีดูดีแต่ใจดำจะทำยังไง ต้องหอบรักหนีทุกตารางพื้นที่ถูกตามล่า หอบรักหนีไปห่มป่า เราก็จะรอด
ป่าใหญ่ใจดียังงี้ไม่ตายหรอก โดนหยอกเอินแรงไปหน่อย (โดนงูฉกเฉียดหน้าไป) ตราบมีเธอยอดรักหรือจะถอย อาจจะขมจะกร่อยก็รักกัน
อยากหาไม้มาค้ำ ตะวันรอนๆ ตอนจะตกดิน
นกโบยบินคืนรังนอน คนพเนจรจะไปทางไหนดีเรา
ย่ำทางรกๆ ไป เหยียบใบไม้เสียงกราว
หลบหลีกเจ้าทากน้อย หลงทางในกลางเถื่อน
เก็บมันไว้เป็นเพื่อนเดินทาง
ในยามที่เธอละพยศ ในยามที่เธอปลดวาง ความถือดี ความหยิ่งทะนง สาลินีจะน่ารักอะไรปานนั้น
บางทีความรักก็ต้องการความกล้า ที่จะแตกแถวเหมือนกัน
ดอกไม้ป่าร่วงพลิ้ว ใบไม้หล่นผล็อย หางนกยูงร่วงปรอยๆ ทุกวูบไหวของสายลมที่พัดผ่าน สาลินีเดินเคียงข้างผม มือกำมือจูงกันกระชับแน่น ชีวิตไม่เคว้งคว้าง ไม่เงียบเหงา เพราะเราเป็นคู่กัน
แต่ชีวิตกับความรักมักพลิกผันไปทุกเสี้ยววินาที ทรายเปียกคลื่น ข้าวเปื้อนน้ำค้าง พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว สีซีดสลดกับถ้อยคำเลี้ยวลดของบางผู้คน
ไม่นานนักหรอกมือที่เราจูงกันก็จะล้าและมีเหงื่อ สาลินีดึงมือเธอออกจากมือผม โดยอ้างว่าจะเช็ดเหงื่อ เธอท้อแท้สิ้นความอดทน กำลังใจเริ่มหดหาย ริมฝีปากเม้มสนิท เชิดหน้าไปอีกทางยามที่ผมจ้องมองเธอ
เธอจะเล็กลง เล็กลงทุกทีจากใจผม นับวันจะเลือนหายไปกับกาลเวลา สาลินีกับผมไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลย ผมเป็นเพียงสิ่งแปลกปลอม เป็นลมวูบเดียวที่พัดผ่านเธอเท่านั้น
ผมยังเป็นหนึ่งเดียวกับฝุ่นดิน ยังคลุกคลีอยู่กับป่าเขาลำเนาไพร เธอก็คงเป็นเธอ...อยู่กับกระแสเงินของถนนสายเชี่ยว ฉลาดทันเกมและเห็นแก่ตัว
ผมไม่เคยร้องเพลงจากพรากให้กับชีวิตรักของเราเลย แต่ผมจะร้องเพลงกระเจิงไพรที่สุเทพร้องไว้
กระเจิงไพร
คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง ประสิทธิ์ พยอมยงค์
"อยู่กลางเนินไศล หรือพงไพร อันยากไร้กันดาร
ท่องในสายธารพร่างพราว สวยสกาวแสงดาวไสว
แผ่วเพียงลมหวน พลิ้วคร่ำครวญ โศกรัญจวนถึงใคร
หรือลมเจ้าทุกข์หมองไหม้ ก็เช่นฉันหมองใจ หวั่นไหวสุดฝืน
ไม่มีคนปลอบใจฉัน ทุกคืนทุกวัน หัวใจโศกศัลย์สะอื้น
หมองมัวปลอบใจตัวทุกคืน
แม้เพียงจะข่มใจฝืน ถอนสะอื้นอ่อนใจ
แก้วตาลาแล้ว แคล้วกันที สิ้นชาตินี้กันได้ สู่พงพฤกษ์ไพร
ห้วยธารฝังวิญญาณ เยี่ยงพรานกระสันป่าไพร
ถ้าแพนเกรงใจเหงา หรือใจแพนไม่ขี้เหร่นัก
คิดถึงเขียนถึงผมบ้างก็ดี"
รักคุณสุจริตใจ
ตะวัน
ตอบ คุณชาลี
ขอบคุณที่ส่งข้อเขียนและคำร้องเพลงกระเจิงไพรมาให้ ผมก็ได้แต่อ่านคำร้องที่คุณชาลีเขียนไว้ แต่ไม่รู้จะร้องอย่างไรเพราะไม่เคยฟังเพลงนี้
แต่ผมก็ทึ่งในการเขียนหนังสือของคุณชาลี ซึ่งใช้ภาษาไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป อย่างนี้นี่เองถึงเรียกว่าภาษาของนักประพันธ์
เพลงของคุณชาลีส่วนใหญ่จะใช้ภาษาที่น่าฟัง ที่สำคัญคือคำที่คุณชาลีนำมาเขียนเพลงนั้น มันเข้ากับปากของคนไทยคือไม่ต้องฝืนร้อง
อยากได้อ่านข้อเขียนของคุณชาลีอีกสองตอน แต่ต้องฟังเสียงแฟนคอลัมน์ถูกทุกข้อว่าอยากอ่านหรือไม่ ช่วยกันเขียนจดหมายมาบอกกล่าวกันบ้าง
ผมเคยอ่านข้อเขียนของคุณชาลีในสภาประชาชน แต่คุณชาลีมักจะเขียนยาวเมื่อรวมกับเนื้อเพลง ถ้าจะแบ่งมาลงที่คอลัมน์ถูกทุกข้อก็คงจะดี เพราะถูกทุกข้อมีพื้นที่มากกว่าสภาประชาชนประมาณเท่าตัว
เบื้องหลังเพลงดังๆ ของคุณชาลี ถ้ามีเวลาก็อยากให้เขียนมาเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ เพราะทุกบทเพลงของคุณชาลีมีค่าน่าศึกษา
สามวา สองศอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น