เปิดศักราชใหม่งานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 66 ลูกพระเกี้ยว –ลูกแม่โดมขนโชว์ผ่านขบวนพาเหรดสุดสร้างสรรค์ ชูประเด็นสะท้อนสังคมให้มีความ “สมดุล” ตบท้ายฮือฮา ขบวนล้อการเมือง เสียด “แม้ว” ลัดฟ้ามาหารัก “ฮุนเซน” หรือรักในรอยแค้น ส่วน “มาร์ค” ถูกล้อใช้แพนด้า กลบปัญหาโครงการล่ม
|
วันนี้(16 มค.) งานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 66 ณ สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถาน ได้ฤกษ์แข่งขันสานสัมพันธ์สองมหาวิทยาลัยที่มีมาอย่างยาวนาน โดยบรรยากาศในช่วงเช้า เปิดตัวด้วยความคึกคักกับบรรดาเหล่ากองสันทนาการของทั้งสองมหาวิทยาลัย ในบริเวณหน้าห้างโตคิว มาบุญครอง เพื่อเรียกสีสัน กระตุ้นความคึกคักก่อนเริ่มกิจกรรมอย่างเป็นทางการ เรียกความสนใจจากนิสิตนักศึกษาตลอดจนนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
|
จากนั้นเวลา 14.30 น.ขบวนพาเหรดเข้าสู่สนาม เริ่มต้นด้วยขบวนป้ายงานฟุตบอลประเพณี จุฬาฯคฑากร และวงโยธวาทิต ต่อด้วยขบวนธงงานฟุตบอลประเพณีฯ ขบวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขบวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ตามด้วยขบวนดรัมเมเยอร์ มธ.
|
ขบวนอัญเชิญธรรมจักรที่มีผู้อัญเชิญเป็นนักศึกษาหญิงชายจำนวน 75 คน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์ และต่อด้วย ป้ายนามมหาวิทยาลัย ขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว ขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทาน
|
ขบวนอิสระของจุฬาฯ : งานกีฬามหาวิทยาลัย ขบวนสื่อแนวคิดของจุฬาฯ “รับอย่างใส่ใจ ให้อย่างสร้างสรรค์ อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล”ขบวนสะท้อนสังคมของจุฬาฯ โดยเปรียบเทียบความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ เปรียบเทียบค่านิยมของวัยรุ่นกับสินค้าแบรนด์เนม เช่น โทรศัพท์ต้องเป็นไอโฟน หรือแบล็คเบอรี่ความสมดุลด้านพลังงาน การใช้อย่างพอดี ความสมดุลด้านยานพาหนะ และปิดท้ายด้วยความสมดุลด้านการศึกษาในเรื่องราวของ GAT-PAT
|
และ ขบวนอิสระของธรรมศาสตร์ : สะท้อนเหตุการณ์บ้านเมือง ขบวนสื่อแนวคิดของธรรมศาสตร์ “ยอมรับในความแตกต่าง อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล” โชว์ขบวนสะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันในสังคมไทย ปีที่ผ่านมา อาทิ เด็กชายไทย เคอิโงะ ตามหาพ่อ เพื่อที่จะมากอดกันเพียงไม่กี่นาที และก็เป็นกระแสครึกโครม ต่างกับเด็กไทยที่ถูกเมิน ให้ใช้ชีวิตอยู่กับอาหารประเภทขยะ ขบวนหลินปิงกับช้างไทย และต่อด้วยขบวนล้อการเมืองของธรรมศาสตร์ ก่อนที่ปิดท้ายด้วยขบวนศิษย์เก่าของสองสถาบัน
|
จากนั้นตามด้วยไฮไลท์ประจำปีที่หลายคนเฝ้าจับตามอง คือ ขบวนล้อการเมืองของฝั่ง ธรรมศาสตร์ ที่ในปีนี้ฝั่งลูกโดม กลุ่มอิสระล้อการเมืองพาขบวน หุ่น “บารัค โอบาม่า”เหยียบโลกแต่งตัวเลียนแบบฮิปปี้ยุคสันติภาพ โดยมืออีกข้างหนึ่งถือระเบิดกับ เหรียญรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อีกข้างหนึ่งถือป้ายชูคำว่า Make war not love สื่อสารว่าผู้รักสินติผู้นี้กำลังส่งกองทหาร เข้ายึดครองบ่อน้ำมันโดยอ้างว่า เพื่อรักษาความปลอดภัย ซ้ำยังแทรกแซงทางการเมืองในประเทศเหล่านั้น
|
หุ่นตัวที่ 2 เป็นหุ่นล้อของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในท่านอนที่ถูกทับด้วยหุ่นสะท้อนหลากหลายหน้าที่และปัญหาที่รุมเร้า อาทิ ปัญหาปลากระป๋อง ปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง ปัญหามาบตาพุด ปัญหาแบบเรียน ปัญหารถเมล์ จนต้องเปลี่ยนชื่อหุ่นให้ใหม่เป็น “อภิสบ เวทนาจังวะ”และท้ายสุดด้วยคารมเป็นต่อรูปหล่อสุดๆฝั่งกลุ่มอิสระล้อการเมืองก็สะท้อนให้เห็นว่า “มาร์ค”ก็ยังดิ้นรนไปได้ แถมยังใช้ไม้ตาย แพนด้าน้อยที่ช่วยกลบเกลื่อนนโยบายล้มระเนระนาดได้เป็นอย่างดี
|
หุ่นตัวที่ 3 ชื่อ เอาว่ะ…ต้านรัฐธรรมนูญ เป็นหุ่นล้อเลียนภาพยนตร์เรื่อง Avatar โดยเปรียบ “เนวิน ชิดชอบ”เป็นผุ้รุกรานจากฟากฟ้า ส่วนตัวละครจาก อวตาล หรือ ชาวนาวีนั้น คือปวงประชาที่ปกป้องสิทธิและอำนาจอธิปไตยของตนเอง หุ่นตัวที่ 4 เป็นหุ่นของทักษิณในร่าง “ไมเคิล แจ๊คสัน” ในชื่อชุดว่า THE KING OF POP (ปอบ)เปรียบโยงกับ ไมเคิล แจ็คสันผู้มีเสียงร้องและท่าเต้นที่เป็นสัญลักษณ์โดดเด่น กับ “ผีปอบหยิบ” ที่มีมือจก ล้วงไส้ ของคนและสัตว์มาเป็นอาหารที่เป็นเโดยยกว่า “นายทักษิณ ชินวัตร”มี ความสามารถส่วนตนที่สามารถนำเอกลักษณ์ของทั้ง "ไมเคิล แจ็คสัน” และ “ผีปอบหยิบ” มารวมกันอย่างแนบเนียนที่สุด
|
และหุ่นตัวสุดท้าย ปิดฉากด้วยเสียงฮือฮาสุดๆ กับ สองหุ่นที่สื่อแสดงความรักอันเหนียวแน่นของ นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และ ฮุนเซน ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ในการจำลองสถานการณ์การแต่งงานกันอย่างเป็นคู่สมรสโดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง
|
ให้ชื่อชุดนี้ว่า “ เกมรักทักษิโนวา” พร้อมบรรยายความสัมพันธ์อันหวานซึ้งนั้นว่าแฝงด้วยผลประโยชน์ ทั้งเพื่อส่วนรวม ตามที่ทั้งสองกล่าวอ้าง หรือเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ที่ซ่อนเร้น กัมพูชาจะได้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว
|
และทักษิณจะได้รับสัมปทานทางธุรกิจบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มอัตรา ทั้งสัมปทานก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และธุรกิจโทรคมนาคมที่ลงทุนในกัมพูชา แต่จะเป็นเช่นไรจึงให้สังคมคอยเฝ้ามองบทสรุปของการลัดฟ้ามาหารัก ของอดีตนายกฯว่าจะเป็นรักหวานใส หรือ “รอยรักในรอยแค้น”แสนปวดร้าว
|
ส่วนทางด้านสแตนด์ของทาง จุฬาฯและธรรมศาสตร์ ทั้งสองฝั่งต่างก็มีทีมแปรอักษรและกองเชียร์ขึ้นไปนั่งเต็มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางจุฬาฯนั้นเป็นฝั่งที่มีสแตนด์เต็มก่อน ในขณะที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามมาติดๆแต่เป็นผู้แปรอักษรก่อนในขณะที่เหล่ากองเชียร์กำลังทยอยขึ้น
|
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.45 น.นักกีฬาฟุตบอลจากทั้งสองมหาวิทยาลัยเริ่มต้นลงสนามเพื่อทำการแข่งขันฟุตบอลประเพณีต่อไป
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น