วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

ข่าวการเมือง นสพ.แนวหน้า
"ในหลวง"ทรงย้ำ5รมต.ใหม่ ซื่อสัตย์-สุจริต จะทำให้รัฐบาลไม่ถูกวิจารณ์
หากทำไม่ได้จะโดนตำหนิ ประเทศชาติเสียหายด้วย
"สามสี"ฟิตโชว์กึ๋นแก้ศก. ขู่ตบบ้องหูที่ปรึกษาถ้าโกง

เมื่อเวลา 17.33 น. วันที่ 18 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งใหม่ จำนวน 5 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่

โอกาสนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานความว่า" การถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นประเพณีรัฐมนตรีที่จะเข้ารับตำแหน่งขอปฏิญาณตนว่า จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต อันนี้ก็ไม่เป็นปัญหาว่า ควรจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ข้อสำคัญก็ขอให้ได้ทำจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่ได้ทำก็อาจจะมีการตำหนิติติง รัฐบาลทั้งรัฐบาล และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงไม่เป็นมงคล และจะเสียหาย ฉะนั้นก็ขอให้ปฎิบัติตามที่ได้กล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและข้อนี้ก็เป็นของธรรมดา รัฐมนตรี คณะรัฐบาล จะต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต

และถ้าทำแล้วก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างจริงจังทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เพราะคนจะนับถือ ว่า ผู้ที่เป็นรัฐมนตรี เป็นคนที่ดี เป็นคนที่ปฎิบัติดี โดยชอบทุกอย่าง ก็ขอให้ท่านได้ทำตามที่ได้ปฏิญาณ และเช่นนั้นจะเป็นมงคลต่อรัฐบาล ต่อประเทศชาติ ในที่สุดก็เป็นมงคลต่อตัวเอง รัฐมนตรีจะทำให้สามารถปฎิบัติงานอย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชนทั้งประเทศ ก็ขอให้ท่านได้ปฎิบัติตามที่กล่าวปฏิญาณจะทำให้ประเทศชาติดำเนินงานไปด้วยดี และในเวลาเดียวกันจะเป็นมงคลคณะรัฐมนตรี และแต่ละท่านในส่วนตัวด้วย

ก็ขอให้ปฎิบัติตามที่ได้กล่าวปฏิญาณ จะทำให้บ้านเมืองมีการปกครองที่ดี และมีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ก็ขอให้ท่านปฎิบัติตามคำปฏิญาณนี้ เพื่อที่จะให้ประเทศชาติมีความสุข ความก้าวหน้า ความสงบ ทุกคนจะได้มีสิทธิ์ที่จะออกมาทำหน้าที่ด้วยดี

ในเวลาเดียวกันท่านจะได้มีความสุข ความพอใจ ที่ได้ปฎิบัติงานที่ดี เพื่อความสงบของประเทศชาติ ขอให้ท่านปฎิบัติงานได้โดยครบถ้วน และขอให้เป็นผลงานที่ทำให้บ้านเมืองมีความสงบ มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ ตามความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ ขอให้ท่านได้ปฎิบัติงานด้วยความสำเร็จทุกอย่าง ขอให้ประเทศชาติ มีความสงบสุข เพื่อให้ประเทศชาติมีความก้าวหน้า ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการงาน และทุกอย่างที่ได้ทำ ขอให้ท่านมีความดีติดตัวที่จะทำหน้าที่ที่ดีสำหรับประเทศ "

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 5 รัฐมนตรีที่เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญานตนครั้งนี้ ประกอบด้วย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางพรรณสิริ กุลนารถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ทรงย้ำซื่อสัตย์-รบ.จะไม่ถูกวิจารณ์

ด้านนายชินวรณ์ บุณเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัส ต่อรัฐมนตรีใหม่ทุกคนให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อความสำเร็จของ ประเทศชาติ และประชาชน จะได้ทำให้รัฐบาลไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และจะได้มีความสุขต่อตนเองด้วย ซึ่งตนเองก็รับใส่เกล้าและจะนำพระราชดำรัสมาขยายผลในเรื่องของความซื่อสัตย์ ต่อตนเองของเด็กและเยาวชนต่อไป

"เจ๊รำเพย"เข้ากระทรวงวันแรก

ส่วนนางพรรณสิริ กุลนารถสิริ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยเช่นกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดำรัสให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ให้ทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมของประเทศเพื่อจะได้นำมาซึ่งความสุขต่อตน เองด้วย และว่าในวันที่ 19 มกราคมนี้ จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมครม.ก่อน จากนั้นจึงจะเข้าไปที่กระทรวงสาธารณสุข

"สามสี"ฟิตโชว์กึ๋นเร่งแก้เศรษฐกิจ

ขณะที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรีรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และต้องทำจริงๆ
นายไตรรงค์ ยังกล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจว่า ไม่มีอะไรเร่งด่วนก่อนหลัง เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องทำพร้อมๆกันไป ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลกนักวิจัยทั่วโลก เขายืนยันว่าหลังจากที่เศรษฐกิจติดลบเมื่อปีที่แล้ว ปีพ.ศ.2553 จะต้องเปิดบวก แต่เศรษฐกิจของไทยขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของโลก เพราะ 70เปอร์เซ็นต์เศรษฐกิจเราต้องพึ่งตลาดโลก ทั้งสิ้นค้าออก ทั้งสิ้นค้าออกและสิ้นค้าเข้าก็ 100 กว่า เปอร์เซ็นแล้ว

เชื่อจะดีขึ้นช้าแบบ"ไปท์เซฟ"
"ถ้าตลาดโลกทรุดเหมือนปีที่แล้วเราก็ทรุดด้วยงบประมาณแผ่นดินก็ต้องตั้งต่ำ กว่าปี52 งบประมาณ1.7 ล้านๆ แต่ในปี 51 งบประมาณ 1.9 ล้านๆ แสดงว่ามีผลต่อประเทศ เพราะเมื่อรายได้ของชาวโลกลดลง ประเทศไทยจะเก่งมาจากไหนที่จะมาลดรายได้ประชาชาติ แต่ปีใหม่นี้จะดีขึ้น แต่จะดีขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ใช่แบบตัว "V" อย่างที่พูดกัน แต่จะเป็นแบบ"ไปท์เซฟ"มากกว่า คือมันจะลากหาวยาวกว่า"นายไตรรงค์ กล่าว

คาดจีดีพีเติบโต3-3.5เปอเซ็นต์

นายไตรรงค์ ยังแสดงความเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจใน 3 เรื่องคือ 1.ภาวะเงินเฟ้อจากนโยบายระดมเงินของประเทศที่ 3 ทั่วโลกช่วยกู้เศรษฐกิจ ซึ่งไทยก็ต้องเฝ้ามองว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ใจตนคิดว่าไม่น่าจะเพิ่มใน 6 เดือนแรก เพราะเขาต้องแก้ไขปัญหาว่างงาน 2. คือราคาน้ำมันที่ไม่แน่นอน และ3.ปัญหามาบตาพุดที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว ต่อข้อถามว่านายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าว่าจะทำจีดีพีให้ได้ 3-3.5 คิดว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้ตามเป้าหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า ยังอยู่ในวิสัย 3-3.5 เปอร์เซ็นต์

ให้ดึงพรรคร่วมเป็นรองนายกฯแก้ศก.

นอกจากนี้ยังเรียกร้อให้ทุกฝ่ายมาร่วมือกันแก้ไขปัญหาของชาติ ตนเคยบอกกับน้องๆในพรรคร่วมรัฐบาล ในพรรคภูมิใจไทยว่า ให้มาเป็นรองนายกฯด้านเศรษฐกิจกับตนเพราะตนช่วยชาติคนเดียวทำไม่ได้แน่
"เราต้องช่วยกันแก้เพราะไม่ใช่ชาติของผมคนเดียว แต่ผมเข้าใจเพราะเรียนทางด้านนี้มา เรียนมา 40 ปี สอนทั้งปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก ทำงานด้านเศรษฐศาสตร์มาและยังดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการเศรษฐกิจมหาภาคของ สภาผู้แทนราษฎร รวมมือชั้นหนึ่งของชาติเอาไว้ที่ผม ผมศึกษามาตลอด รู้ว่าปัญหาว่าจะต้องแก้ตรงไหน"นายไตรรงค์ กล่าว

ขู่ทีมที่ปรึกษาใครโกงเจอบ้องหู

เมื่อถามว่า ผู้ที่จะมาเป็นที่ปรึกษาคือใคร นายไตรรงค์ กล่าวว่า ที่ปรึกษาตนเยอะ มากทั้งภาคเอกชน จากสถาบันอาคาเดเมียร์ ภาคมหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาตนไม่มีเงินเดือนเอามาช่วยชาติ คือ เอามาช่วยชาติได้ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่อย่างนั้นจะโดน"บ้องหู" แต่จะเป็นใครตนขอให้รอหน่วยเพราะยังไม่ได้แต่ตั้ง แต่ตนมีที่ปรึกษาที่ร่วมกันมานาน 30 ปี "ผมต้องขอเลือก ที่แก่ๆต้องใส่รถเข็นมาผมก็ไม่เอาแล้ว เพราะผมเองก็จะเข็นอยู่แล้ว"

ไม่มองใครเป็นศัตรูเหลือง-แดง
เมื่อถามว่า การเมืองที่ยังไม่นิ่งจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ นายไตรรงค์ กล่าวว่า การเมืองก็เป็นปัญหา เพราะเป็นปัญหาภายในแต่จะไม่เป็นปัญหาของคนต่างชาติ เพราะเขาเคยชินกับระบอบประชาธิปไตยที่มีการประท้วงอยู่แล้ว
"ชาวต่างประเทศที่เขาเจริญแล้วเขาไม่มีปัญหากับคนที่มาชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลืองเขาไม่สนใจ ถ้าการชุมนุมนั้นเป็นไปด้วยความสงบ ผมไม่เป็นห่วงขออย่างเดียวว่าทุกกลุ่มอย่าใช้ความรุนแรง ถ้ารุนแรงก็ผิดกฎหมายอย่างนี้ต่างชาติจะรู้สึกว่าเราเถื่อน ไม่อยากมากลงทุน และผมไม่เคยคิดว่าคนที่มีความคิดตรงกันข้ามผมจะเป็นศัตรูกับผม แต่จะรู้สึกรักเหมือนพี่น้อง"นายไตรรงค์ระบุ

"เจ๊รำเพย"มาถึงทำเนียบคนแรก

สำหรับบรรยากาศก่อนการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในช่วงบ่ายบรรยากาศที่ตึกไทยคู่ฟ้าเป็นไปอย่างคึกคัก โดยรัฐมนตรีใหม่ที่เดินทางมาถึงเป็นคนแรกคือมีนางพรรณสิริ จากนั้นเมื่อรัฐมนตรีที่เหลือมากันครบ ก็ได้เข้าพบกับนายกฯใช้เวลานานประมาณ 1ชั่วโมง โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ร่วมหารือด้วย

นายกฯกำชับใช้กฏเหล็ก9ข้อ

ด้านนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้ติวเข้มอะไร แค่แสดงความยินดี ส่วนกฎเหล็ก 9 ข้อก็ต้องใช้กับรัฐมนตรีเก่าและรัฐมนตรีใหม่ ขณะที่นายชินวรณ์ บุญเกียรติ รมว.ศึกษาธิการได้ส่งมอบงานในหน้าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ให้กับนายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ จากนั้นนายวิทยา ได้เรียกประชุมวิปรัฐบาลทันที เพื่อหารือถึงการเตรียมพร้อมเปิดประชุมสภาฯในวันที่ 21 มกราคมนี้

"วิทยา"เครื่องร้อนแก้สภาฯล่ม

โดยนายวิทยา กล่าวว่า ในเร็วๆนี้จะหารือกับประธานรัฐสภาเพื่อแก้ไขปัญหาองค์ประชุมไม่ครบเพราะมีการนำไปเป็นเกมการเมืองโดยไม่นึกถึงประโยชน์ประชาชน โดยเฉพาะสส.อยู่ในห้องประชุมสภาฯแต่ไม่ยอมกดบัตรแสดงตน ก็จะหารือว่า คนที่ไม่กดบัตรจะถือว่าอยู่ในห้องประชุมหรือไม่
วันที่ 19/1/2010

ไม่มีความคิดเห็น: