 | คำผวน | | คำผวน คือ คำพูดที่เกิดจากการเล่นภาษาอย่างหนึ่งของคนไทย ใช้วิธีกลับเสียงของคำโดยการสลับเสียงระหว่างคำหรือพยางค์ เมื่ออ่านย้อนกลับสระกันแล้วจะได้คำที่มีความหมายใหม่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะได้คำที่มีความหมายไปในทางที่ไม่ค่อยสุภาพ และคำที่เกี่ยวกับเรื่องเพศโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคนไทยถือว่าไม่สุภาพ เป็นเรื่องหยาบโลน
ลักษณะของคำผวน
คำผวนต้องมีจำนวนพยางค์ที่ใช้ในการผวนตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไป จนถึงเป็นประโยคยาวๆ เช่น
ชอกี | ผวนเป็น | ชีกอ | ค่าบน | ผวนเป็น | คนบ้า | แอร์กี่ | ผวนเป็น | อีแก่ | แขกดอย | ผวนเป็น | คอยแดก | แขกตามดอย | ผวนเป็น | คอยตามแดก | แดงจูงหมีไปฆ่า | ผวนเป็น | แดงจูงหมาไปขี้ | วัตถุประสงค์และโอกาสในการเล่นคำผวน
การเล่นคำผวนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความสนุกสนานมากกว่าทำให้เกิดความคิดเกี่ยวกับอารมณ์เพศ ดังนั้นบางครั้งก็ถูกใช้เพื่อลดนัยทางเพศลง ดังเช่น ในการเล่นเพลงปฏิพากย์หรือลิเก เมื่อต้องการจะกล่าวพาดพิงถึงเรื่องเพศก็มักจะเลี่ยงใช้คำผวนแทน ซึ่งก็เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากวัฒนธรรมไทยถือกันว่าเรื่องเพศเป็นของสกปรก ไม่สมควรพูดในที่สาธารณะ เมื่อพูดตรงๆ ไม่ได้ ก็ต้องหาทางเลี่ยงแทน คำผวนจึงเป็นทางออกที่ดี บางครั้งคำผวนก็ถูกใช้เพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียดหรือเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าเบื่อในกิจกรรมที่ทำอยู่ เช่น ชาวบ้านที่ร่วมแรงกันลงแขกทำงานมักจะร้องเพลงต่างๆ โดยมีคำผวนในเนื้อเพลง บางโอกาสก็มีจะประสงค์เพื่อแสดงศิลปะของการประพันธ์ในรูปร้อยกรองหรือปริศนาคำทายที่มีความคล้องจองกัน ทั้งนี้เพราะคนไทยมีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนสืบมาแต่โบราณ ฉะนั้นแทนที่จะผูกคำประพันธ์หรือปริศนาคล้องจองโต้ตอบกันอย่างธรรมดา ก็ใช้คำผวนแทรกเข้าไปแทนคำพูดที่มีความหมายตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน ประวัติความเป็นมาของคำผวน
ไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าคำผวนกำเนิดมาแต่เมื่อใด แต่อาจสันนิษฐานถึงที่มาได้เป็น 2 ประการ คือ ประการแรกอาจเป็นเพราะความสนุกปาก ประการที่สอง เนื่องจากสังคมไทยปิดกั้นความรู้เรื่องเพศ จึงโต้ตอบและแสดงออกในทางตรงข้าม คือการฝ่าฝืนข้อห้าม ซึ่งตรงกับหลักการทางจิตวิทยาซึ่งถือว่า "การปกปิดเป็นการเร้าความสนใจ"
ประวัติความเป็นมาของคำผวนเท่าที่มีหลักฐานปรากฏพบว่ามีการเล่นคำผวนมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีเรื่องเล่าว่าในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ศรีปราชญ์ กวีเอกในสมัยนั้นได้เคยแต่งโคลงกระทู้คำผวนเอาไว้ 1 บท มีความว่า
-
"เป | ทะลูอยู่ถ้ำ | มีถม | (ปูทะเล) | แป | สะหมูอยู่ตาม | ไต่ไม้ | (ปูแสม) | มา | แดงแกว่งหางงาม | หาคู่ | (แมงดา) | นา | ปล้ำน้ำจิ้มให้ | รสลิ้มชิมบอล" | (น้ำปลา) | ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีหลักฐานว่า สุนทรภู่ ปรมาจารย์ด้านกลอนของไทยได้แต่งโคลงคำผวนโต้ตอบผู้ที่สบประมาทกล่าวหาว่าท่านแต่งได้แต่กลอนเท่านั้น โคลงแต่งไม่ได้ สุนทรภู่จึงแต่งโคลงเป็นคำผวนด่าผู้สบประมาท ดังนี้
-
| "เฉน็งไอมาเวิ่งเว้า | วู่กา | (เฉน็งไอ-ไฉนเอ็ง, วู่กา-ว่ากู) | รูกับกาวเมิงแต่ยา | มู่ไร้ | (ราวกับกูมาเแต่เยิง ไม่รู้) | ปิดเซ็นจะมู่ซา | เคราทู่ | (เป็นศิษย์จะมาสู้ ครูเฒ่า) | เฉะแต่จะตอบให้ | ชีพม้วยมังรณอ" | (ชอบแต่จะเตะให้, มรณัง) | คำผวนสะท้อนวัฒนธรรมไทย
การเล่นคำผวนถือเป็นศิลปะการเล่นคำทางภาษาอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมไทยด้านต่างๆ ดังนี้
- วัฒนธรรมการใช้ภาษา เนื่องจากคำผวนเป็นศิลปะการเล่นคำโดยการพลิกแพลงได้อย่างหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นว่าภาษาไทยมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง
- วัฒนธรรมด้านความเป็นอยู่ ปรากฏในรูปของปริศนาคำทายที่สะท้อนถึงการดำรงชีพ อาหารการกิน และเครื่องใช้ไม้สอย
- วัฒนธรรมด้านความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อและทัศนคติของคนไทยที่สะท้อนออกมาในรูปของปริศนาคำทาย และลักษณะนิสัยของคนไทย ได้แก่ ความสนใจในเรื่องเพศแต่ไม่เอ่ยถึงตรงๆ มักใช้วิธีพูดเลี่ยงๆ ให้เป็นเรื่องสนุก ซึ่งนับเป็นความเฉลียวฉลาดและมีสติปัญญา ช่างคิดช่างสังเกต ช่างเปรียบเทียบ
|
ที่มาข้อมูล : สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง (เล่ม 3). กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพานิชย์, 2542.
|  | เรื่องทั้งหมด |  | |  |  | หน้าแรก |  | ภาษาไทย ใกล้ตัว |  | คำย่อ |  | คำที่ใช้สับสน |  | คำราชาศัพท์ |  | สำนวน-สุภาษิต |  | ร้อยแก้ว - ร้อยกรอง |  | ตัวละครในวรรณคดีไทย |  | อาขยาน |  | |
|  |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น