ขู่วางบึ้มก.ศึกษาฯ แดงปลุกอีแต๋นป่วนกรุง/เพื่อนแอ้ดชี้'ทักษิณ'เล่นคนสูงกว่าเปรม
เพื่อนซี้ "สุรยุทธ์" เชื่ออนาคตมีปฏิวัติอีกถ้ารัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วงเบื้องสูงบ่อย เพราะทหารทนไม่ได้ แฉ "ทักษิณ" ต้องการเล่นงานคนที่อยู่สูงกว่า ที่ถล่ม "เปรม" แค่ตีวัวกระทบคราด "น.ช.แม้ว" สวนทันที ด่าเลวคงโกรธแทนกัน แต่ "พงศ์เทพ" เปิดประเด็น มีสิ่งที่ไม่อาจพูด เป็นสาเหตุหลักของวิกฤติบ้านเมือง "ขี้ตู่" ส่งสัญญาณขี่อีแต๋นเข้ากรุงหลัง 26 ก.พ. เป้า 1 ล้านคน ยันไม่มีท่อน้ำเลี้ยง "เรามาไกลเกินที่อำมาตย์จะเข้าใจ" กระทรวงศึกษาฯ โดนเข้าให้แล้ว อ้างตัวเป็นทหารโทร.ขู่บึ้ม "เทือก" ขู่ชุมนุมรุนแรงเมื่อไหร่หน่วยติดอาวุธออกทันที
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก และประธานเตรียมทหารรุ่น 1 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ในรายการลับ ลวง พราง ทางคลื่น 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า คนส่วนใหญ่ที่มาก็มาจากการชักจูง เขามาเพราะอาจมีรุ่นพี่บอกไปกันหน่อย ไปเดินขบวนหน่อย ไม่ใช่ตั้งใจจะมา ส่วนเรื่องคดียึดทรัพย์ คงสุดแล้วแต่ศาล จะยึดก็ยึด ไม่ยึดก็ไม่ยึด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรจะหยุดทุกอย่าง และปล่อยให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย และ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะกลับมา แต่ถ้ายังดื้อรั้น ดันทุรังแบบนี้ ไปไม่รอด ไม่มีใครยอม โดยเฉพาะการจาบจ้วงเบื้องสูง ต้องไปคิดทบทวน ไปนอนคิดดูดีๆ และคิดอย่างเป็นธรรม ที่ถูกปฏิวัติเพราะอะไร เขาแกล้งหรือเปล่า ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ ต้องดูพฤติกรรมที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เคยปฏิวัติมาก่อน มองว่าปัจจุบันจะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ เสธ.อ้ายตอบว่ามี เพราะการเล่นการเมืองตอนนี้มีต้นทุนสูง คนจะเล่นการเมืองได้ ต้องมีเงิน เมื่อมีเงินแล้ว เป็นผู้แทนฯ รวบรวมเป็นพรรคพวก เพื่อให้ได้อำนาจรัฐ ตั้งรัฐบาล และก็หาเงิน มันก็จะหมุนเวียนอยู่แบบนี้ ถึงจุดหนึ่งทหารก็คงยอมไม่ได้
"ถ้าปล่อยให้มีการจาบจ้วงเบื้องสูงมาก บ่อยๆ เรื่อยๆ อำนาจรัฐไม่เข้มแข็ง เหลาะแหละเหยาะแหยะ ทหารก็คงไม่ยอม แต่การปฏิวัติจะไม่รุนแรง ใครมีกำลังมากกว่าก็ชนะ พวกเสื้อแดงจริงๆ ก็มีไม่ถึง 100 คน พวกนี้ก็จะไปชักชวนลูกน้อง ชักจูงกันมา ดรีมทีมมีไม่ถึง 100 คนหรอก"
พล.อ.บุญเลิศบอกว่า หากทหารจะทำการปฏิวัติ เขาก็จะมีแผนรับมือพวกนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตนฝากถึง พล.อ.อนุงพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ว่าทั้งสองคนเป็นกำลังของบ้านเมือง ต้องกอดคอกันไว้ให้ดีในการปกป้องสถาบันและชาติบ้านเมือง
ซักว่า การเมืองในปัจุบันดูเหมือนจะเล่นกันรุนแรงจนอาจจะถึงชีวิต เขาตอบว่า ถ้ารัฐเข้มแข็ง ใช้อำนาจตามกฎหมายที่เข้มแข็งก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าปล่อยก็คงจะยุ่ง คิดว่าไม่ถึงกับรบฆ่ากันวุ่นวาย และกองทัพก็เป็นกำลังของรัฐบาลที่จะช่วยดูแล เป็นมือเป็นไม้ให้ เท่าที่ทราบผู้นำเหล่าทัพ-รมว.กลาโหมก็มีความสนิทสนมกับรัฐบาล โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งท่านเป็นคนประสานงานระหว่างกองทัพและรัฐบาลได้ดี
"ท่านพยายามดูแล ใกล้ชิดกองทัพ พูดง่ายๆ ว่าเอาอกเอาใจ กองทัพก็เอาใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ผมว่าไปได้"
พล.อ.บุญเลิศยังกล่าวถึงการที่เสื้อแดงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่า จริงๆ แล้ว พล.อ.เปรมท่านไม่เป็นศัตรูกับใครในแผ่นดิน คนที่เป็นศัตรูกับท่านคงไม่คิดว่าจะเล่นงานแค่ท่าน แต่นึกถึงคนที่สูงขึ้นไป ไม่ใช่ พล.อ.เปรม เรียกกันว่า ตีวัวกระทบคราด ทหารก็ต้องออกมาพูด หรือปกป้องท่าน ถ้ามีการกล่าวล่วงมาก ก็ต้องออกมาปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นวาจาหรือทางรัฐบาลก็ต้องใช้กฎหมายจับกุมคุมขัง ขณะนี้ดูเสมือนหนึ่งว่ารัฐบาลเหยาะแยะ หรืออ่อนแอ ก็ไม่เข้าใจนโยบายของรัฐบาลเหมือนกัน ที่ปล่อยให้มีการจ้วงจาบมากขึ้น
กลัว"สุรยุทธ์"เป็นใหญ่
เขายังบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเสื้อแดง คงต้องขอบคุณ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะครั้งหนึ่ง คตส.หรือ ป.ป.ช.ขอร้องให้ ครม.ออกมติว่าถ้าจะเข้ามาสอบสวนขอให้เป็นมติ ครม.สอบสวนได้เลย แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่ให้ แต่ให้ขอมาเป็นเรื่องๆ ก็แสดงว่าเป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณและคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณไปในตัว ก็ไม่เข้าใจว่าคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณทำไมจึงจองล้างจองผลาญ พล.อ.สุรยุทธ์ ในฐานะที่เป็นเพื่อนกับตน ตนก็ให้กำลังใจและห่วงใย แต่การสูญเสียเกียรติยศนั้นสำคัญ ท่านเป็นองคมนตรีที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยอย่างที่ทราบ
"เหตุผลที่ พล.อ.สุรยุทธ์ถูกโจมตีเพราะถูกมองว่าได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย พวกที่ไม่หวังดี ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดง-ทักษิณ ก็หวังว่าถ้าทำลาย พล.อ.สุรยุทธ์ ต่อไปก็ต้องใหญ่ขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้แทน พล.อ.เปรมหรือไม่ ถ้าเขาคิดว่าจะมาแทนได้ ก็ต้องทำให้ง่อยเปลี้ยเสียขาตั้งแต่ต้นก่อน" เสธ.อ้ายกล่าว
ขณะที่ พ.ต.ท.ทวิตข้อความลงในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ตอบโต้ทันทีว่า "มีข่าวว่า พล.อ.บุญเลิศ รุ่นเดียวกับคุณสุรยุทธ์ ออกมาพูดว่าเป้าหมายของผมสูงกว่าตัวคุณเปรม ผมขอประณามว่าเลวมาก คงโกรธแทนกัน เป้าผมคือ ปชต./ยุติธรรม"
เขายังตอบคนเสื้อแดงว่า ไม่กังวลคดียึดทรัพย์วันศุกร์นี้ "ไม่กังวลหรอกครับ เงินครอบครัวมีมาก่อนการเมือง เชื่อว่าคงจะได้รับความยุติธรรม ถ้าขั้นนี้ไม่ได้ก็ต้องเสาะแสวงหาต่อจนเจอไม่ว่าจะอยู่ไหน"
มีคนถามว่า ได้รับข่าวว่าทางดูไบขอไทยแปลเอกสารส่งท่านเหรอ สื่อนอกเล่นข่าวนี้อยู่เป็นห่วงค่ะ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตตอบว่า "ข่าวไทยวันนี้มีข่าวจริงน้อยกว่าข่าวปล่อย ข่าวปล่อยแปลว่าข่าวที่คนปล่อยอยากให้เป็นจริง แต่บังเอิญมันไม่จริงครับ"
การพูดเรื่องสถาบันนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจเกิดขึ้น ที่คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีการอภิปรายสาธารณะเรื่อง "วิกฤติการเมืองไทย แก้ไขอย่างไร" นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ยุติธรรม หนึ่งในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวตอนหนึ่งว่า "ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นในยุคนี้ แล้วเรากล้าที่มองสาเหตุหรือกล้าวิเคราะห์กันหรือไม่ หรือพูดเฉพาะบางเรื่อง แต่มีสิ่งที่ไม่อาจพูด ทั้งที่เป็นสาเหตุหลักของวิกฤติบ้านเมือง"
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงและ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงหน่วยข่าวกรองและหน่วยข่าวกองบัญชาการตำรวจสันติบาลออกมาเตือนเหตุระเบิด 8 จุด ช่วงใกล้วันตัดสินคดีหรือหลังวันตัดสินคดียึดทรัพย์ว่า จะออกมาเตือนอะไรก็เชิญ เพราะทำกันเองทั้งนั้น เลยรู้ว่าจะมีการวางระเบิดหรือจะเกิดเหตุระเบิดตรงจุดไหนบ้าง และเรื่องนี้รัฐบาลน่าจะรู้ดีจะเกิดเหตุตรงไหน แล้วทำไมไม่หาทางป้องกันหรือไปจับตัวพวกเตรียมก่อเหตุ ทั้งหลายมันคือการสร้างสถานการณ์กุข่าว โคตรโกหกกันทั้งนั้น
นายจตุพรยังกล่าวถึงการข่าวที่ระบุว่า ขณะนี้เกิดความแตกแยกอย่างหนักระหว่างแกนนำคนเสื้อแดงระหว่างกลุ่มของนายวีระ กับ พล.ต.ขัตติยะ นายอริสมันต์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นั้น ยืนยันว่า พล.ต.ขัตติยะไม่ใช่ นปช. แต่ 2 คนเป็น นปช.และปฏิบัติตามมติที่ประชุม และไม่รู้ว่าเสธ.แดงเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณจริงหรือไม่
"วันนี้ไม่มีการปรับแผน พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้สั่งจัดตั้งกองทัพประชาชนอัตราส่วน 1 ต่อ 10 สั่งให้กลุ่มต่างๆ ระดมชายฉกรรจ์ เพราะว่าคนเสื้อแดงที่มีกว่า 300 กลุ่มทั่วประเทศ แต่ละกลุ่มก็มีการ์ดเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกองกำลังมาเพิ่ม ไม่มีข่าวเสธ.แดงเจรจาขอค่าใช้จ่ายจากนายวีระมาดูแลการ์ดเอง ไม่มีเรื่องนี้เลย รัฐบาลจะเชื่อการข่าวแบบนี้ก็เชิญ หากยังคิดว่าคนที่มาต่อสู้เพื่อเงิน ไม่มีหรอก ไม่อย่างนั้นเราไม่มาไกลขนาดนี้ ลองไปดูการจัดกิจกรรมแต่ละพื้นที่เขาลงขัน จัดโต๊ะจีน ทอดผ้าป่าระดมทุนกันเองมาต่อสู้กับเราทั้งนั้น เรามาไกลเกินที่อำมาตย์จะเข้าใจ"
แผนนั่งปิกอัพ-ตีแต๋นเข้ากรุง
ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเรียกร้องให้คนเสื้อแดงหลั่งไหลเข้ากรุงเทพฯ มากๆ แม้จะโดนสกัดกั้นนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ตนก็ทราบข้อมูลตรงนี้ รัฐบาลเตรียมสกัดคนเสื้อแดงต่างจังหวัดที่จะมาชุมนุมใหญ่กรุงเทพฯ แต่เราก็เตรียมแผนรองรับโดยเปลี่ยนแผนการเดินทางให้ใช้รถปิกอัพหรืออีแต๋นมาแทน และจะแบ่งจุดพักรถแยกเป็นภูมิภาค สายอีสานให้มารวมพลที่ จ.นครราชสีมา สายเหนือรวมพลที่ จ.นครสวรรค์ สายตะวันออกและสายใต้ก็จะนัดกันอีกจุด ให้รวมพลกันก่อนเคลื่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ถ้าหากยังสกัดกั้นกันอีกก็จะเจอพลังประชาชน
เขายืนยันว่า กรชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงจะมีขึ้นหลังวันที่ 26 ก.พ.แน่นอน ตั้งเป้า 1 ล้านคน โดยใช้สถานที่สนามหลวง ถนนราชดำเนิน ไปถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนกำหนดการที่จะเดินทางไปชุมนุมย่อยบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ยังไม่ได้หารือกำหนดวันเวลาที่จะไป ส่วนตัวเห็นว่าบ้านท่าแร้ง ย่านบางเขน ที่ พล.อ.เปรมขายทำนิติกรรมอำพรางให้กับคนบางกลุ่ม ถือเป็นอีกที่หนึ่งที่น่าไปเยือนเหมือนกัน ก่อนที่จะนัดชุมนุมใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้เปิดสายด่วน 1579 รับแจ้งเหตุความรุนแรงนั้น เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีโทร.เข้ามาขู่วางระเบิดกระทรวง
แหล่งข่าวจากข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเผยว่า เวลา 22.35 น. ได้มีโทรศัพท์จากผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารโทร.เข้ามาที่สายด่วนของ ศธ. 1579 ถึง 2 ครั้ง โดยด่าการทำงานของรัฐบาลว่าสองมาตรฐาน และบอกว่าจะเอาระเบิดมาปา ศธ. ซึ่งได้ส่งข้อความทางมือถือแจ้งปลัด ศธ.และรัฐมนตรีตั้งแต่กลางดึกวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำลังตรวจสอบหาคนโทร.จากเบอร์โทรศัพท์
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้วตั้งแต่ช่วงเช้า และคิดว่าเป็นการโทร.จากผู้ไม่ประสงค์ดี หรือนึกสนุก ซึ่งตนได้สั่งการให้ศูนย์ประสานงานติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยของกระทรวงศึกษาธิการ คิดว่ามีความเข้มข้นมากอยู่แล้ว โดยที่ผ่านมาได้กำชับให้นายเฉลียว อยู่เสมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยามรักษาการณ์ หรือความเข้มงวดคนเข้า-ออก
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,250 คน ถึงความเห็นการเมืองไทยในช่วงตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ
ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ในการควบคุมสถานการณ์ช่วงก่อนและหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ให้รุนแรงบานปลายนั้น เชื่อมั่น ร้อยละ 43.8, ไม่เชื่อมั่นร้อยละ 56.2
ความเห็นต่อทางออกโดยการทำรัฐประหาร ในกรณีที่เหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายถึงขั้นนองเลือด เห็นด้วยร้อยละ 15.1, ไม่เห็นด้วยร้อยละ 64.4, ไม่แน่ใจ/ไม่แสดงความเห็นร้อยละ 20.5
สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด (5 อันดับแรก) หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ 1.ห่วงความแตกแยกของคนไทยด้วยกัน ร้อยละ 34.1, 2.ห่วงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว ร้อยละ 23.5 3.ห่วงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ร้อยละ 20.7 4.ห่วงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ร้อยละ 10.9 5.ห่วงการเผชิญหน้าและการใช้อำนาจเกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่ ร้อยละ 8.84
สิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุด หลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คือ คนไทยเลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติบทบาทแทรกแซงทางการเมือง ร้อยละ 43.4, ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 30.7, พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับในคำตัดสินของศาลและกลุ่มเสื้อแดงสลายการชุมนุม ร้อยละ 25.9
"มาร์ค"ยอมรับเข้มข้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ประชาชนไทยไม่มั่นใจเพราะหลังจากที่อ่านข่าวแล้วกลัวนั้น ตนฟังการปราศรัยของคนเสื้อแดงที่พูดถึงความรุนแรง ตนก็ตกใจและมองว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงความรุนแรง และการชุมนุมมักใช้คำว่าถ้ารัฐใช้ความรุนแรงปราบประชาชนหรือถ้าทหารปฏิวัตินั้น ตนขอบอกว่าไม่มีคำว่าปราบในหัวของตน หากชุมนุมโดยสงบและไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่ และขออย่าพูดให้ประชาชนตื่นตระหนก หากชุมนุมโดยสงบ ไม่มีใครไปทำอะไรแน่นอน
"ยืนยันว่าการใช้สิทธิของประชาชนนั้นกระทำได้ แต่รัฐบาลจะดูว่าต้องไม่ให้นอกขอบเขตกฎหมาย คือไม่ใช้ความรุนแรง หากการชุมนุมแปลงสภาพเป็นการจลาจลนั้น รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด โดยใช้กฎหมายปกติ คือ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และ พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินตามลำดับ โดยต้องดูข้อมูลจากการข่าว"
นายกฯ บอกว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองและความวุ่นวายขึ้นมา โดยเดือนนี้และเดือน มี.ค.นั้น จะมีการเคลื่อนไหวที่เข้มข้น เพราะมีคดีความที่จะนำไปสู่ความเคลื่อนไหว ส่วนคนที่ต่อต้านตนเวลาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ต่างๆ นั้น ตนมีสมาธิดีและรับฟังสิ่งเหล่านั้น เพราะถือเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งที่ทราบว่าคนพวกนั้นคิดอะไร
"ผมโดนด่าว่าเป็นฆาตกร ผมก็รู้ว่ามีคนให้ข้อมูลประชาชนพวกนั้นแบบผิดๆ จนโกรธผม แต่เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่า แม้จะไม่ชอบ แต่ผมต้องอดทน และมั่นใจคนส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น ยืนยันไม่ถอดใจ เพราะถอดใจก็ยังโดนด่า"
ซักว่าหากศึกการเมืองในช่วงนี้เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดอย่างไรที่จะทำให้สังคมกลับมาสู่บรรยากาศหันหน้าเข้าหากัน นายอภิสิทธิ์เตือนว่า โลกความจริงไม่เป็นแบบนั้น เพราะปัญหายังมีอยู่ เนื่องจากความคิดที่แตกต่างและขัดแย้งเป็นระยะ แต่สิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องกระทำคือ ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันบนความเห็นแตกต่างและไม่ละเมิดสิทธิทางกฎหมาย ตนอึดอัดหลายเรื่องในหลายคำพูดบนเวทีที่จะน่าผิดกฎหมาย หากศาลบอกไม่ผิด รัฐบาลต้องยอมรับ และรัฐบาลนี้จะไม่ห้ามไม่ให้ทุกคนพูด
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 26 ก.พ. ประเทศไทยจะเป็นเช่นใด นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบว่าศาลจะตัดสินเช่นใด แต่หวังว่าศาลจะลำดับกฎหมายและข้อเท็จจริง ฉะนั้นขอให้ทุกคนรับฟังและเคารพศาล โดยอย่าฟังเพียงว่าใครแพ้และใครชนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีจุดจบและไม่มีกติกาในบ้านเมือง
"หากศาลทุจริตก็มีกฎหมายเล่นงานศาลได้เช่นกัน หากศาลไม่ทุจริตและตัดสินแล้ว สังคมต้องเคารพ ส่วนการอภิปรายนั้น ผมไม่เชื่อว่าฝ่ายค้านจะใส่ชื่อคนในรัฐบาลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หากยื่นญัตติอภิปรายก็เดินหน้า ผมก็ไปชี้แจงก็เท่านั้น" นายกรัฐมตรีกล่าว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ปฏิเสธว่า เขาไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แต่กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นสำคัญ เราเคยมีบทเรียนกันมาแล้วในบ้านเมือง การไม่ซักซ้อมให้ดี อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ โดยให้เจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฝึกซ้อมประสานงานกัน เพื่อป้องกันเหตุอันไม่พึงประสงค์ขึ้นได้
ส่วนกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่าจะนำรถกระบะแสนคันเข้ามาร่วมชุมนุมปิดถนนนั้น รองนายกรัฐมนตรีผู้นี้กล่าวเสียงแข็งว่า เรายอมไม่ได้กับการกระทำที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนของประชาชน ถือเป็นการแสดงเจตนาที่จะทำให้เกิดความปั่นป่วนในระบบจราจร หวังว่าผู้ที่จะมาชุมนุมจะมีสติและคำนึงถึงความถูกต้องด้วย แต่ถ้ามีการกระทำดังกล่าวจริง คงต้องระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครมาเป็นผู้ช่วยในการดูแลประชาชน เพราะเรามีเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
เตรียมหน่วยติดอาวุธ
"เจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติการจะไม่พกพาอาวุธ เพื่อแสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการออกไปปราบปรามประชาชน เพียงไปป้องกันสถานที่ราชการ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น แต่ถ้าผู้ชุมนุมหรือใครเข้ามาแทรกแซง ทำให้เกิดความรุนแรง จะมีหน่วยติดอาวุธเข้ามาจัดการทันที ถือเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าคิดจะต่อสู้จนบ้านเมืองเสียหาย ก็ไม่ควรจะมีสำนึกของความเป็นคนอีกต่อไป ถ้าเป็นคนไทยต้องรู้ว่านี่คือบ้านเมือง ถ้าคนเราคิดจะยอมตายเพื่อสมบัติของเจ้านายเพียงคนเดียวคงใช้ไม่ได้แล้ว" นายสุเทพย้ำ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันจันทร์นี้กรมประชาสัมพันธ์จะเชิญสื่อไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดี ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 7 หมื่นล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะรัฐบาลเองก็กังวลว่าอาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี บางส่วนพยายามใช้เงื่อนไขของศาลที่คนทั่วไปไม่เข้าใจไปปลุกระดมสร้างความวุ่นวาย จึงต้องชี้แจงให้เข้าใจ
นายสาทิตย์กล่าวต่อไปว่า ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาให้ข่าวให้ร้ายบุคคลสำคัญระดับสูงของประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามให้กระทบสถาบันเบื้องสูง และมีการใช้สื่อ วิทยุชุมชน เว็บไซต์ และสื่อใต้ดินด้วยนั้น ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่ จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย เชื่อว่าสามารถประคับประคองบ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติการชุมนุมที่บานปลายออกไปได้ ซึ่งรัฐเองก็หวังว่าในวันที่ 26 ก.พ.นี้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และบ้านเมืองสามารถอยู่ต่อไปได้
เขาบอกว่า วันที่ 24 ก.พ.จะมีการเปิดศูนย์ รปภ.กทม.สายด่วน 1555 รับแจ้งข่าวต่างๆ โดยให้ประชาชนที่พบเห็นการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความรุนแรง เช่น การจุดไฟเผา มีระเบิด ก็สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลขดังกล่าว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ตลอดเวลา
นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวมี ส.ส.กทม.ของพรรคมาบอกว่าวันนี้คน กทม.คงเริ่มเบื่อหน่าย เอือมระอาต่อสถานการณ์แบบนี้ เมื่อมีการชุมนุมอย่างนี้เขาก็เดือดร้อน เพราะ กทม.เป็นที่ทำมาหากิน ดังนั้นตนจึงทราบว่าคน กทม.จะออกมาเรียกร้องว่าอย่าทำลายและอย่าทำให้เกิดความเสียหายภายใน กทม.มากกว่านี้
ถามถึงกระแสข่าวว่าหน่วยข่าวกรองมีความเป็นห่วงพื้นที่เสี่ยง 8 จุดใน กทม. ที่อาจจะมีการก่อวินาศกรรม ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า เขาก็ประกาศยู่ตลอดเวลาเรื่องสร้างสถานการณ์ เขาพูดอยู่ตลอด ซึ่งเราก็ภาวนาว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เลย เพราะหากเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครเสีย มีแต่ประเทศเสียหาย ทั้งนี้รัฐบาลนี้ยังสามารถทำงานอยู่ได้อีกปีกว่า หากรัฐบาลทำงานไม่ดี เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนก็ต้องมาดูเรื่องนี้
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ชุมนุมที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ว่ากระทบความเชื่อมั่นของประเทศที่มีต่อนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม คนที่เข้ารวมชุมนุมเมื่อวานนี้มีจำนวนไม่มาก เชื่อว่าไม่ถึง 1,000 คน ซึ่ งชี้ให้เห็นว่าไม่สนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ คนเสื้อแดงคงจะคาดหวังคนต่างจังหวัดให้มาร่วมชุมนุม ดังนั้นอยากเรียกร้องให้คนต่างจังหวัดเห็นแก่ชาติบ้านเมือง จึงไม่ควรที่จะตกเป็นเหยื่อของแกนนำคนเสื้อแดง โดยเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ เพราะจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ
ปลุกนักธุรกิจต้านม็อบ
นายเทพไทยยังเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนแสดงออกถึงท่าทีการคัดค้านต่อการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจภาคท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง จะต้องออกมาแสดงท่าทีให้คนเหล่านี้ได้เห็นว่าการชุมนุมสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและธุรกิจส่วนรวม
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ล่าสุดการพูดถึงโปลิตบูโรของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าพรรคเพื่อไทยได้มีคณะกรรมการบริหารสูงสุด 1 ชุด และนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้วิธีบริหารแบบพรรคคอมมิวนิสต์ โดยสามารถคุมนายกฯ ปลดนายกฯ มีฝ่ายบริหารกำหนดนโยบาย มีฝ่ายการเมืองที่เข้าเป็นนายกฯ จะบริหารรูปแบบคู่ขนานเป็นฝ่ายการเมืองกับฝ่ายบริหาร ซึ่งทั้งหมดเป็นพฤติกรรมของคนในระบอบทักษิณชัดเจนว่าเป็นเรื่องของขบวนการล้มเจ้าจริงๆ
รวมไปถึงบุคคลที่เคลื่อนไหวตั้งแต่กลุ่มแดงสยาม นายใจ อึ๊งภากรณ์, นายสุรชัย แซ่ด่าน, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายสุชาติ นาคบางไทร, ดา ตอร์ปิโด ล้วนแล้วแต่มีการเคลื่อนไหวที่จาบจ้วงต่อเบื้องสูงตลอดเวลา รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทำหนังสือหรือแจกซีดีเผยแพร่เรื่องนี้ เพราะพฤติกรรมของคนในระบอบทักษิณสามารถที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าคนเหล่านี้เคลื่อนไหวทางการเมืองล้มเจ้าจริงหรือไม่
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยภายในพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง 7 วันอันตรายว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังมาคอยดูแลความปลอดภัยทุกวันจำนวน 100 คน และพรรคได้เพิ่มจำนวนกล้อง CCTV จากเดิมที่มีอยู่ 4 ตัวเป็น 8 ตัว พร้อมกันนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ของพรรคผลัดกันเข้าเวรเพื่อดูแลความปลอดภัยร่วมด้วยตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนกำลังทหารนั้น หากทางกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชัดว่าจะมีการมาชุมนุมที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนก็จะหารือกับนายสุเทพ เพื่อขอกำลังทหารเข้าช่วยดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติม
ที่คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีการอภิปรายสาธารณะเรื่อง "วิกฤติการเมืองไทย แก้ไขอย่างไร" โดย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีประชาชนส่วนหนึ่งชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถูกกล่าวหาว่าต้องการโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงบางส่วนไม่ได้ต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ พวกเขาสู้เพื่อเรียกร้องเอาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง พวกเขาเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาขณะนี้คือการปกครองบังคับใช้กฎหมายแบบ 2 มาตรฐาน
นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สื่อมีส่วนเช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีการเสนอข่าวที่เป็นความเห็นของทุกฝ่ายออกมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเหมือนการตอบโต้กันผ่านสื่อ และบางครั้งยอมรับว่าสื่อมีการเสนอเนื้อหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งและเข้าใจผิดเกิดขึ้นในสังคม
นายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สาเหตุของวิกฤติการเมืองขณะนี้เกิดจากโครงสร้างการเมือง อำนาจทางการเมือง ที่ตกอยู่ที่นายทุน ขุนนางกังฉิน กลุ่มทุนนักธุรกิจ กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่เข้ามาเล่นการเมืองเองหลังจากเป็นอีแอบอยู่หลังพรรคการเมือง โดยมาครอบงำประเทศทั้งหมด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น