วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ข่าวการศึกษา-วัฒนธรรม
ไฟแช็ก (เหมือนจะรู้แต่รู้หรือเปล่า)

ในสมัยโบราณ การจะจุดไฟถือเป็นเรื่องใหญ่ และยุ่งยากกว่าจะทำได้

คนในยุคดึกดำบรรพ์จึงบูชาไฟ และยกให้เป็นเทพเจ้า หรือตัวแทนของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

แต่ในปัจจุบัน การจุดไฟเป็นเรื่องที่ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

อุปกรณ์สำคัญที่ใช้จุดไฟก็คือ ไฟแช็ก ซึ่งที่มาของชื่อก็มาจากเสียงที่ดัง "แช็ก...แช็ก" เวลาจุดไฟ

โดยไฟแช็กที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ประกอบด้วยช่องบรรจุที่ทำจากพลาสติกหรือโลหะ ใช้บรรจุเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแนฟทาหรือบิวเทนเหลวภายใต้แรงดัน จะมีกลไกที่ทำให้เกิดประกายไฟ และปล่อยแก๊สออกมาเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ไฟติดอยู่

สำหรับประวัติที่มาของไฟแช็กนั้น ก็แสนจะยาวนาน

ผู้ที่ประดิษฐ์ไฟแช็กอันแรกของโลกคือ โยฮันน์ วูล์ฟกัง เดอเบอไรเนอร์ (Johann Wolfgang D?bereiner) นักเคมีชาวเยอรมันเมื่อ ค.ศ. 1823 ทำงานโดยการยิงแก๊สไฮโดรเจนไปบนโลหะแพลทินัมที่ห่างกัน 4 เซนติเมตรบนอากาศ โลหะจะร้อนขึ้นและติดไฟได้เองโดยไม่ต้องใช้ประกายไฟ และได้ตั้งชื่อว่า ตะเกียงของเดอเบอไรเนอร์ จากนั้นได้มีการผลิตและจำหน่ายไฟแช็กชนิดนี้มาจนถึง ค.ศ. 1880 จึงเลิกผลิต

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไฟแช็กเริ่มมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเพราะทหารต้องใช้ไม้ขีดไฟสำหรับส่องทางในความมืด แต่การจุดไม้ขีดในตอนเริ่มต้นนั้นทำให้เกิดแสงสว่างมาก ทำให้ตกเป็นเป้าถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้นกองทัพจึงต้องการการจุดไฟที่ไม่ให้เกิดแสงสว่างมากนัก นักประดิษฐ์จึงได้พัฒนาไฟแช็กเพื่อใช้ในการทหาร

กระทั่ง ค.ศ. 1918 สงครามสิ้นสุดลง ไฟแช็กได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าที่ผลิตได้อย่างรวดเร็ว ใช้ง่าย และราคาถูกลงกว่าแบบดั้งเดิม

คอยบุญ

ไม่มีความคิดเห็น: