วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

สกู๊ปแนวหน้า
เปิดตำนานสืบสาน"โขน" นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยก่อน"เลือนหาย"

สถานการณ์ความวุ่นวาย การชุมนุมทางการเมือง ของประเทศไทย ยังไม่สามารถเชื่อมั่นในสิ่งใดได้ ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนหลายคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้ง การปิดถนนในสายหลักต่างๆ ปิดสถานที่ราชการบางแห่ง เกิดความหวาดกลัวกับความรุนแรง จนประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย และเซ็งกับการชุมนุมมาก

แต่วันนี้ "สกู๊ปแนวหน้า" ขอหยุดความวุ่นวายทางการเมืองไว้สัก 1วัน มานำเสนอเรื่องราวของ "นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย" ที่นับวันจะหายสาบสูญลงไปทุกที เนื่องจากกระแสวัฒนธรรมทางตะวันออก และตะวันตก เข้ามาแซกซึมครอบงำเยาวชนไทยไปเกือบหมดสิ้น จนอาจจะลืมไปว่า"นาฏศิลป์ไทย" อย่าง...

"โขน" เป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย ที่มีประวัติเก่าแก่มาอย่างยาวนาน เชื่อว่าความเก่าแก่ของโขนอย่างน้อยน่าจะมีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาที่เป็นการแสดงซึ่งพัฒนามาจากการแสดงชักนาคดึกดำบรรพ์ กระบี่กระบอง และการแสดงหนังใหญ่ ทำให้ "โขน" มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่ถือเป็นศิลปะที่มีความสวยงาม และหาชมได้ยากในปัจจุบัน ดังเช่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีจากการแสดงโขนในเรื่อง "รามเกียรติ์" ดังนั้นเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม และมีเอกลักษณ์ของไทย ให้คงอยู่แก่อนุชนรุ่นหลังตลอดจนเผยแพร่สู่สาธารณชนทั่วไป เพราะเป็นการแสดงที่ได้รวมเอาศิลปะหลายชนิดเข้าด้วยกัน

ชมรมทูบีนัมเบอร์วันศูนย์เยาวชน ต.บางโปรง (สี่รักษ์) จ.สมุทรปราการ จึงเกิดแนวคิดที่จะอนุรักษ์ และถ่ายทอดนาฏศิลป์ชั้นสูง ให้เยาวชนที่มีความสนใจ เปิดโอกาสให้เยาวชนในพื้นที่ได้เข้ามารับการถ่ายทอดทายาททางศิลปะวัฒนธรรมแบบไทยๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้มีกิจกรรมร่วมในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในการป้องกันการมั่วสุม และห่างไกลยาเสพติด

นายวัชรา ดาราศร ที่ปรึกษาศูนย์เยาวชน ต.บางโปรง (สี่รักษ์) บอกว่า ปัจจุบันนาฏศิลป์ชั้นสูงไม่ว่าจะเป็นโขน ละครนอก ละครใน รำกระบี่กระบอง ได้กลายเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากขึ้น เพราะเป็นศิลปะที่มีต้นทุนสูง โดยเฉพาะค่าเครื่องแต่งกายตัวละคร บวกกับการฝึกฝนที่ต้องใช้ทั้งระยะเวลาและความอดทน เราจึงมักจะเห็นการแสดงโขนได้ตามงานหลวง หรือจัดขึ้นในวังเท่านั้น

"สมัยนี้วัยรุ่นบางคนอาจจะไม่รู้จักแล้วด้วยซ้ำว่าตัวละครโขนเป็นยังไง และบางคนอาจจะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องล้าหลัง ไม่น่าสนใจ แต่จะให้ความสนใจกับดนตรีสมัยใหม่ หรือบางคนก็ไม่ทำกิจกรรมสร้างสรรค์อะไรเลย หันกลับไปเพลิดเพลินกับคอมพิวเตอร์แทน"นายวัชรา กล่าว

ด้าน นายภัทรยุตม์ อาจเทศ ครูสอนโขนบัณฑิตจากวิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป กรมศิลปากร เล่าถึงแนวทางในการคัดเลือกเยาวชนเข้าร่วมแสดงโขน ว่า เราจะใช้วิธีเปิดรับสมัครหาเยาวชนในพื้นที่ ต.บางโปรง ที่มีความสนใจ และรักในการแสดง เข้ามาเป็นแนวร่วมโดยจะจัดเป็นกิจกรรมในรูปแบบของการเข้าค่าย ฝึกอบรม ซึ่งจะแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มนาฏศิลป์ กลุ่มดนตรีไทย ดนตรีสากล การวาดภาพ หรือการร้องเพลง เป็นต้น โดยจะเปิดโอกาสให้เด็กเลือกเข้ารับการอบรมในกลุ่มที่ตนเองชอบและถนัด

ในการเรียนการสอน "โขน" ซึ่งเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงนั้น หากใช้วิธีการสอนแบบดั้งเดิมอาจจะไม่น่าสนใจ เราใช้วิธีการสอดแทรกการเรียนรู้เพิ่มเข้าไปด้วย เช่น การหัดท่าดัดมือ ดัดข้อมือ ดัดแขน ดัดหลัง นั่งกระดกเท้า ยกเท้า จากเดิมที่เคยให้นับ 1 ถึง 100 ก็ปรับมาเป็นท่อง ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก หรือ ท่องสระวรรณยุกต์ไทยแทน รวมถึงให้ท่องสูตรคูณ แทนการนับเลข อย่างที่เห็นในวันนี้สิ่งที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ก็คือ เด็กบางคนยังท่องอักษรไทยได้ไม่ครบ เพราะเมื่อไม่ใด้ใช้ก็จะลืมเลือนกันไป การฝึกโขนของชมรมทูบีนัมเบอร์วันศูนย์เยาวชน ต.บางโปรง ด้วยการสอดแทรกการเรียนรู้แบบดังกล่าวเพิ่มเข้าไปจะช่วยฝึกฝนทักษะของวิชาภาษาไทย และคณิตศาสตร์ให้กับเด็กๆ ด้วย ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มของ "โขน" มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดจำนวน 50 คน จากสมาชิกชมรมทั้งศูนย์เยาวชนที่มีกว่า 2,000 คน

ส่วนการคัดเลือกตัวละคร "โขน" ก็จะให้ทุกคนเลือกว่าถนัดที่จะแสดงเป็นตัวอะไร โดยที่ทางครูผู้สอนจะมาร่วมกันดูบุคลิกอีกครั้ง ว่า บุคลิกของแต่ละคนควรเล่นเป็นตัวอะไร เมื่อทุกคนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวละครตัวไหนไปก็จะต้องฝึกให้เป็นตัวละครตัวนั้น โดยจะใช้เวลาฝึกกว่า 1-2 เดือน ก่อนจะได้แสดงจริง

นายภัทรยุตม์ บอกอีกว่า การแสดงนาฎศิลป์ของทางชมรมทูบีนัมเบอร์วัน ศูนย์เยาวชนตำบลบางโปรง เนื้อหาที่แสดงทุกเรื่องจะมีการสอดแทรกคติสอนใจ และสะท้อนปัญหาสังคมเข้าไปด้วย เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวที่มีการต่อสู้แย่งชิงมรดก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครได้อะไรไปเลย หรือการแก่งแย่งชิงดีกัน จนเกิดการรบลา ฆ่าฟัน สุดท้ายก็เกิดการสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งจัดการแสดงนาฏศิลป์ในทุกวันเสาร์ สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ที่หอประชุมโรงเรียนวัดบางโปรง ตั้งแต่เวลา 18.00 - 20.00 น. แบ่งเป็นการแสดงโขน ละครนอก ละครใน การแสดงดนตรีไทย ลีลาศ รำตัด รำเกี้ยว รำโทน รวมถึงดนตรีสมัยใหม่ด้วย และจะมีการจำหน่ายบัตรเพื่อการเข้าชมในราคาบัตรละ 100 บาท มีจำนวนทั้งหมด 200 ที่นั่ง ทำให้เรามีรายได้จากการแสดงเฉลี่ยต่อครั้งประมาณ 10,000 - 20,000 บาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะแบ่งเป็นค่าตัวนักแสดง ค่าเช่าสถานที่ และอีกส่วนหนึ่งจะจัดเก็บเข้ากองทุน

ขณะที่ นางกฤษณา จันทร์ตรี หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า โขนเป็นศิลปะชั้นสูงจัดว่าเป็นศาสตร์ที่เรียนยาก ยิ่งในยุคปัจจุบันอะไรที่ยากๆ วัยรุ่นมักจะไม่ค่อยให้ความสนใจ จึงเป็นเรื่องลำบากที่จะสร้างแรงจูงใจให้เด็ก และเยาวชนในท้องถิ่นหันมาสนใจกับการอนุรักษ์นาฎศิลป์ที่กำลังจะเลือนหายไป นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใช้หลักของการเข้าใจและรู้ธรรมชาติของวัยรุ่นด้วยการเปิดโอกาสให้เยาวชนสมาชิกได้เลือกทำกิจกรรมที่ตนเองชอบและมีความถนัด โดยไม่บังคับว่าจะต้องเลือกหรือมาสนใจ หากบังคับให้เด็กเลือกในสิ่งที่ใจไม่รักแล้วก็จะไม่เกิดประโยชน์กับเด็กเลย

กิจกรรมการแสดงโขนของ ศูนย์เยาวชน ต.บางโปรงนับเป็นยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงเอาศิลปวัฒนธรรมไทยมาเป็นเครื่องมือในการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ไม่ให้เด็กหันไปสนใจ หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออบายมุขนอกจากเยาวชนจะได้ทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบแล้วยังเป็นการสานต่อศิลปวัฒนธรรมไทยมิให้เลือนหายไปจนกลายเป็นตำนาน และที่สำคัญยังสามารถทำเป็นอาชีพเสริมหารายได้ให้กับเยาวชนอีกด้วย

ด้วยความยาวนานของกาลเวลา และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่มีการเข้ามาของวัฒนธรรมตะวันตกได้ส่งผลให้การสืบทอดวัฒนธรรม การแสดง โขน กำลังจะกลายเป็นความทรงจำสีจางๆ ในใจ และในความคิดของเยาวชนไทยในสังคมยุคปัจจุบัน

SCOOP@NAEWNA.COM

ไม่มีความคิดเห็น: