วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

มาทักทาย "เสี่ยววาน" มหาเขื่อนบนมหานทีแม่น้ำโขง




















ตอบ



ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนนี้จีนได้ตกเป็นจำเลยเอกในกรณีแม่น้ำโขงแห้งไปเสียแล้ว และก่อนหน้านี้กรณีน้ำท่วมเมื่อปีสองปีก่อน จีนก็ตกเป็นจำเลยว่าสร้างเขื่อนทำให้เกิดผลกระเทือนต่อประเทศใต้น้ำในการปล่อยน้ำออกจากเขื่อน

ข้อพิสูจน์ฝ่ายรัฐบาลไทยในฐานะประเทศใต้น้ำก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ว่าอาจจะใช่หรือไม่ใช่จากการก่อสร้างเขื่อนจีนก็ได้และเห็นว่าท่านรองฯ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้ลงพื้นที่แล้วเมื่อวาน และจะนำเรื่องเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารที่ 9 มีนาคมนี้ และหลังจากนั้นจะเชิญเจ้าหน้าที่จาก 6 ประเทศ ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงมาหารือแก้ไขปัญหา เพราะหากระดับน้ำยังอยู่ในปริมาณต่ำ จะเป็นปัญหากับจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประเทศท้ายแม่น้ำโขง

ในทางกลับกันก็มี รายงานข่าวจากข้อมูลสถิติของฝ่ายบัญชาการป้องกันภัยแล้งและอุทกภัยแห่งมณฑลยูนนาน พบว่า เขตและเมืองทั้งหมด 16 แห่งของมณฑลยูนนานได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตปกครองต้าหลี่และเขตปกครองฉู่สง โดยคาดการณ์ว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า พื้นที่การเพาะปลูกพืชเกษตรในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งของมณฑลยูนนาน จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 ของพื้นที่การเพาะปลูกทั้งหมด

แล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรละครับนี่ แล้วถ้าฟังธงไปว่าจีนผันตัวเองจากจำเลยเป็นผู้ต้องหาแล้วประเทศใด และจะใช้วิธีทางกลไกคณะกรรมการ หรือทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปกดดันได้? ทั้งคณะกรรมการ JCCCN (ว่าด้วยการเดินเรือ 4 ประเทศ ไทย จีน พม่า และลาว) หรือกรณี Mekong River Commision หรือ MRC ที่ไม่มีจีนเป็นคณะกรรมการ

ง่าย ๆ ครับ สถานะของจีนตอนนี้เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ แม่น้ำโขงคือส่วนย่อยหนึ่งในระดับมหภาค เพราะว่าปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีเขื่อนมากที่สุดในโลกหรือมีทั้งหมด 25,800 แห่งจาก 45,000 แห่งทั่วโลก แต่ยังไม่พอครับท่าน จีนยังมีแผนขยายการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มขึ้นสองเท่าจากกําลังผลิตปัจจุบัน เป็น 250,000 เมกกะวัตต ภายในป พ.ศ. 2563

ผมมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของคุณ โอภาส เหลืองดาวเรือง ของศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยจีนที่คุนหมิง เกี่ยวกับเขื่อนเขื่อนเสี่ยววาน(小湾) ที่ก่อสร้างมากว่า 10 ปีแล้วอันเป็นเขื่อนที่มีขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดของมณฑลยูนนาน โดยได้ใช้งบประมาณก่อสร้าง 27,732 ล้านหยวน หรือประมาณแสนกว่าล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำล้านช้างหรือแม่น้ำโขงตอนกลาง

งั้นมาทำความรู้จักกับมหาเขื่อนแห่งนี้บนแม่น้ำโขงก่อนนะครับ

1. โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนเสี่ยววาน(小湾电站) เป็น 1 ในโครงการก่อสร้างที่สำคัญของมณฑลยูนนานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีนฉบับที่ 10 (ปี 2544 – 2548) เริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2545 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2555 \คาดว่าจะใช้งบประมาณการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 27,732 ล้านหยวน โดยคณะกรรมการวางแผนพัฒนาแห่งชาติจีน และรัฐบาลมณฑลยูนนานได้กำหนดให้ทำการก่อสร้างเขื่อนกันแม่น้ำให้เสร็จสิ้นภายในปี 2548 และจะต้องดำเนินการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าเครื่องแรกให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2553

2. มณฑลยูนนานจะทำการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำล้านช้างตอนกลาง ตอนล่างรวมทั้งหมด 8 ระดับชั้น โดยเขื่อนเสี่ยววาน ถือเป็นเขื่อนระดับขั้นที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีความสำคัญมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเขื่อนอื่น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก นอกจากนี้ การก่อสร้างเขื่อนเสี่ยววาน ยังสามารถช่วยป้องกันอุทกภัย ดินถล่ม รวมทั้งสามารถทำหน้าที่เป็นประตูระบายน้ำ และใช้ประโยชน์ในการขนส่งทางเรือ การประมง และการท่องเที่ยวจากบริเวณอ่างเก็บน้ำได้อีกด้วย

3. โครงสร้างหลักของ โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนเสี่ยววาน(小湾电站) ประกอบด้วย

· กำแพงเขื่อนคอนกรีตผสมฝั่งซ้าย ขวา กำแพงคอนกรีตส่วนกลางเขื่อนรูปโค้งสูง 292 ม. (กำแพงเขื่อนที่สูงที่สุดในโลก) ยอดกำแพงเขื่อนจากซ้ายไปขวามีความยาวเท่ากับ 922.74 ม. และช่องระบายน้ำหลักบริเวณกลางกำแพงเขื่อน 6 ช่อง

· ห้องผลิตกระแสไฟฟ้าใต้ดิน (กว้าง 29.5 ม. × ยาว 326 ม. ×สูง 65.6ม.) บริเวณฝั่งขวาของเขื่อน ซึ่งมีความสูงเท่ากับตึก 30 ชั้น

· ช่องทางระบายน้ำ 2 เส้นทางบริเวณฝั่งซ้ายของเขื่อน

· อ่างเก็บน้ำบริเวณด้านหลังของกำแพงเขื่อน และเขื่อนกั้นน้ำย่อยอีก2 ระดับ

4. หลังจากที่ทำการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากถึงปีละ 19,000 ล้านกิโลวัตต์ต่อช.ม. อีกทั้งจะสามารถกักเก็บน้ำบริเวณเขื่อนได้มากถึง 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (มีขนาดเท่ากับ 10 เท่าของทะเลสาบเตียนฉือของนครคุนหมิง)

คุณประโยชน์ของ โรงงานไฟฟ้าเขื่อนเสี่ยววาน ที่ทางจีนได้คาดหวังไว้

ในรายงานบอกว่า แม้ว่าการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าจะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยา และประชาชนที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่รัฐบาลมณฑลยูนนานได้คาดการณ์ และเล็งเห็นถึงผลประโยชน์มหาศาล ดังนี้

1. การประหยัดทรัพยากร หลังงจากที่โรงงานไฟฟ้าเขื่อนเสี่ยววานก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถทดแทนการผลิตกะแสไฟฟ้าด้วยทรัพยากรถ่านหินได้ประมาณ 25,240 ล้านกิโลวัตต์ต่อช.ม. คาดว่าจะสามารถประหยัดปริมาณถ่านหินได้มากถึงปีละ 8.6 ล้านตัน อีกทั้งสามารถช่วยลดการปล่อยกากของเสีย น้ำเสีย และมลพิษในอากาศเป็นจำนวนมากได้ด้วย

2. การป้องกันดินโคลน บริเวณตอนบนของเขื่อนเสี่ยววานจะสามารถกักเก็บ และรองรับดินโคลนที่ยังไม่แข็งตัวได้มากถึงปีละ 48 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาดินโคลนไหลถล่มไปยังบริเวณโรงงานไฟฟ้าเขื่อนม่านวาน และโรงงานไฟฟ้าเขื่อนต้าเฉาซาน ของมณฑลยูนนาน

3. การป้องกันอุทกภัย หลังจากที่เขื่อนเสี่ยววานก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้วสามารถลดระดับน้ำขึ้น - ลงในแม่น้ำได้ร้อยละ 12 อีกทั้งสามารถกักเก็บน้ำที่ป้องกันอุทกภัยได้จำนวน 1,318 ล้านลบ.ม.

4. การขนส่งทางน้ำ ปัจจุบันน่านน้ำบริเวณใกล้เคียงโรงงานไฟฟ้าเขื่อนเสี่ยววาน ยังไม่มีการเดินเรือแต่อย่างใด แต่หลังจากที่เขื่อนก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว บริเวณอ่างเก็บน้ำจะกลายเป็นเส้นทางการเดินเรือขนส่งที่มีระยะทางรวม 178ก.ม.

5. ส่งเสริมศักยภาพการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าอื่น ๆ หลังจากที่โรงงานไฟฟ้าเขื่อนเสี่ยววานดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างเป็นทางการแล้ว จะช่วยสนับสนุนให้โรงงานไฟฟ้าเขื่อนม่านวาน(漫湾电站)โรงงานไฟฟ้าเขื่อนต้าเฉาซาน(大朝山电站)และโรงงานไฟฟ้าจิ่งหงที่อยู่ถัดลงมาจากเขื่อนเสี่ยววาน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1.1 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อปีเพิ่มขึ้น 2,575 ล้านกิโลวัตต์ต่อ ช.ม.

เนื่องจากโรงงานไฟฟ้าเขื่อนเสี่ยววานมีเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า ที่มีกำลังความสามารถการผลิตกระแสไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน ดังนั้น จึงสามารถรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของมณฑลยูนนานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 – 2558อีกทั้งเป็นตัวกลางสำคัญที่จะช่วยส่งเสริม และกระตุ้นการเติบโตของภาคเศรษฐกิจในมณฑลยูนนานตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไปด้วย

เท่าที่อ่านแล้วพอจะทำความรู้จักกับมหาเขื่อนบนแม่น้ำโขง และวัตถุประสงค์ของรัฐบาลมณฑลยูนนานได้บ้างไม่มากก็น้อยละครับ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศท้ายน้ำพบว่าทางการจีนไม่ได้ระบุหรือศึกษาถึงคุณประโยชน์หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศที่ใช้แม่น้ำโขงท้าย ๆ เลย จึงน่าคิดว่าจีนต้องแก้ตัวหนักไม่น้อยเช่นกันกับการเป็นจำเลยในกรณีนี้

อ้างอิง /ที่มา : www.thaibizchina.com

แหล่งข้อมูล : www.hwcc.com.cn , www.yn.xinhuanet.com , http://baike.baidu.com

อ่านความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 4
BlueHill วันที่ : 09/03/2010 เวลา : 15.01 น.
http://www.oknation.net/blog/charlee
ชมรม OK NATURE @ Save Nature Save Life



จีนยกตัวเองเป็นพี่เบิ้มของเอเชีย ดังนั้น การหยิบยกเรื่องเขื่อนในแม่น้ำโขงไปคุยกับรัฐบาลจีน ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตูของจีนเขา ประมาณต้องเดินสายไปเยี่ยมคารวะนั้นแหละครับ



นายกฯวอนจีนประชุมร่วมแก้วิกฤติแม่น้ำโขง

ผู้สื่อข่าวรายว่า นายหู เจิ้งเยว่ (Mr. Hu Zhengyue) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนเข้าเยี่ยมคารวะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยความสมัพันธ์ไทย - จีน และสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลและประชาชนจีนที่ให้การต้อนรับการเสด็จเยือนของพระบรมวงศานุวงค์ไทยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความสำคัญที่สำหรับทั้งความสัมพันธ์ไทยและจีน ทั้ง2ประเทศจะร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์การทูตครบรอบ 35 ปี และความตกลงเขตการค้าเสรีจีนและอาเซียน (FTA) เริ่มปฏิบัติ เชื่อว่าจะยิ่งสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ระหว่างไทยและจีนด้วย ไทยยังเห็นบทบาทสำคัญของจีนในการพัฒนาโครงสร้างสถารนูปโภคและเส้นทางคมนาคม ขณะเดียวกันอาเซียนยังปรารถนาที่จะเห็นภาพรวมความสัมพันธ์ไทย-จีน มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง

โอกาสนี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวชื่นชมบทบาทพระบรมวงศานุวงค์ไทย ที่มีคุณาปการต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมาโดยตลอด และยังมีความยินดีและพร้อมให้การต้อนรับการเสด็จเยือนจีนของพระวงศานุวงค์ไทยทุกพระวงค์ สำหรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนั้น มูลค่าการค้าไทย-จีน ก็กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแรงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยถึงวันละ 1.5 แสนคน นอกจากนี้ จีนยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือจีนและอาเซียนด้วย

ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรียังได้หยิบยกข้อห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้ง และการลดลงของระดับน้ำในลุ่มน้ำโขงว่า ปีนี้ที่รุนแรง และมีการคาดเดาสาเหตุต่างๆ ในวงกว้าง อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าปัจจัยหนึ่งอาจเกิดจากการสร้างเขื่อนในประเทศจีนด้วย ทั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์หากจีนจะจัดให้มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มีการพูดคุยด้านวิชาการ ให้ได้ข้อมูลชุดเดียวกัน เพื่อปูทางสู่การบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำโขงของกลไกที่มีอยู่ร่วมกัน เชื่อว่าจีนผู้ที่มีบทบาทสูงในการพัฒนาในอนุภูมิภาคนี้ ไม่ต้องการเห็นความเดือดร้อนของประเทศปลายน้ำ

ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของจีน ถือการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเป็นภารกิจสำคัญ และการสร้างเขื่อนในประเทศจีนนั้นเป็นตามหลักการที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประเทศปลายน้ำ และปริมาณน้ำในแม่น้ำลานช้างมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 13 ของปริมาณน้ำในน้ำโขง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่คณะกรรมการลุ่มน้ำโขง ก็ได้มีการประสานกันอย่างต่อเนื่อง และจีนจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ร่วมกันในอนุภูมิภาคนี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: