วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

นกอินทรี ของดีเมืองเพชร

eagle01

“เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ
เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม”

คำขวัญของจังหวัดเพชรบุรีว่าไว้เช่นนั้น
แต่ละสิ่ง แต่ละอย่างที่ยกมาล้วนเป็นจุดเด่นสมเอกลักษณ์ของเมืองพระนครคีรี ทั้งโบราณสถาน งานศิลปะ วัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยว และขนมคู่เมือง

ทว่าจากนี้ไป…อาจต้องมีถ้อยคำเสริมเติมเติมจุดเด่นเข้าไปอีก
เพราะตอนนี้…ของดีเมืองเพชรถูกค้นพบอีกอย่างหนึ่งแล้วกลางทุ่งนาบ้านหนองปลาไหล
……………………………………………………………

eagle02

เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมามีการจัดงาน “เทศกาลดูนกอินทรี ของดีเมืองเพชร” ขึ้นที่บริเวณริมทุ่งนาบ้านหนองปลาไหล อ. เขาย้อย จ. เพชรบุรี

อันว่านกอินทรีนั้น…ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดูนกย่อมรู้จักกันดี แล้วคงเคยเห็นหน้าค่าตาจากในหนังสือหรือจอทีวีกันมาแล้ว – ว่าแต่มีสักกี่คนที่เคยเห็นตัวจริง แม้นักดูนกเองก็เถอะ!!!

เป็นเช่นนี้ “เทศกาลดูนกอินทรี ของดีเมืองเพชร” ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน – ดังนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าของเค้าดีจริงมั้ย ผมเลยชวนพรรคพวกไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานนี้ด้วย

ผมกับตุ๋ย ท่าจีนออกจากกรุงเทพฯ ก่อนรุ่งสาง ไปแวะรับพี่แมว โคกขามกับตี๋ สปูนบิลที่ตลาดมหาชัย จากนั้นมุ่งหน้าไปตามถนนพระราม 2 แล้วต่อเข้าถนนเพชรเกษมที่แยกวังมะนาว พอเลยเขาย้อยไปไม่ไกล ก็เห็นป้ายโปรโมทงานดูนกอินทรีดักอยู่ริมทางซ้ายมือเป็นหมายช่วยนำทางไปถึงบ้านหนองปลาไหลได้สะดวกมาก

พวกเราไปถึงสถานที่จัดงานบนลานตากข้าวตอนเจ็ดโมงครึ่ง เห็นคนยังบางตา งั้นขอผ่านไปดูนกก่อนดีกว่า

eagle03

เมื่อเลยต่อไปอีกราว 1 กม. ก็มองเห็นรถลงจอดอยู่ในทุ่งนาแห้งๆ 3 คัน แน่ใจได้ว่าต้องเป็นพวกนักดูนกและช่างภาพ ถือโอกาสเลี้ยวตามลงไปด้วยดีกว่า พอลงจากรถก็ไม่ผิดหวัง มีฝูงเหยี่ยวดำ (Black Kite) คอยต้อนรับอยู่หลายตัว เช้าตรู่แบบนี้มวลอากาศร้อนยังไม่ลอยตัว เหยี่ยวดำเลยยังบินโฉบเฉี่ยวไปมาต่ำๆ หรือไม่ก็ยืนเด่นอยู่บนพื้นดิน

eagle4

ฝูงเหยี่ยวดำกลางทุ่งนาถือเป็นภาพปกติในแถบเขาย้อยตอนฤดูหนาว เพราะมีเหยี่ยวดำหลายร้อยตัวอพยพเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นประจำทุกปี ฝูงเหยี่ยวเหล่านี้พากันเข้ามายึดดงตาลชายทุ่งเป็นที่เกาะหลับนอนในยามค่ำคืน หลังจากบินตระเวนออกไปหากินตอนวัน

ขณะกำลังส่องกล้องอุ่นเครื่องกับเหยี่ยวสีคล้ำๆ ตี๋ โคกขามก็รีบชิงเก็บข้อมูลทันที


“ เหยี่ยวดำนี่ดูเผินๆ คล้ายกับเหยี่ยวแดงตัวเด็กแถวบ้าน แล้วจะแยกได้ไงเนี่ย”

แน่ละ! ถ้าตัวหนุ่มเต็มวัยมาเปรียบกัน ย่อมฟันธงได้จากสีต่างกันสมชื่อ แต่ถ้าเป็นเหยี่ยวแดง (Brahminy Kite) ช่วงวัยอ่อนดันมีสีคล้ำคล้ายกับเหยี่ยวดำซะนี่ – ถ้างั้นให้ดูตอนนกบิน เหยี่ยวดำจะมีหางแฉก ส่วนเหยี่ยวแดงมีหางมน – ง่ายๆ แค่นี้จำไว้ให้ดี

eagle05

การดูนกกลางทุ่งนายามเช้าตรู่นับว่าเป็นกิจกรรมแสนหฤหรรษ์ยิ่งนัก สายลมพัดโชยมาเบาๆ ท่ามกลางแสงแดดอ่อนโยนให้ความรู้สึกราวกับมาพักผ่อนตากอากาศ ทุ่งนาโล่งกว้างหลังเก็บเกี่ยวยังช่วยให้มองหานกได้ง่ายมาก – ว่าแล้วก็มีนกตัวใหญ่สีดำๆ โผบินจากพื้นดินขึ้นไปเกาะอยู่บนต้นตาล ตัวใหญ่ขนาดนี้ แค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเป็นนกอินทรี แต่นกไปเกาะอยู่ไกลเกินกว่าจะพึ่งไบนอคได้ อย่างนี้ต้องอาศัยเทเลสโคปช่วยจำแนก – ทันทีส่องไปเห็นแถบสีขาวบนปีก คำตอบก็ผุดขึ้นโดยอัตโนมัติ
“นกอินทรีปีกลาย (Greater Spotted Eagle)”

พรรคพวกทั้งสามคนตื่นเต้นกันมากที่เห็นนกอินทรีได้ง่ายขนาดนี้ ทั้งยังตะลึงกับขนาดใหญ่โตบิ๊กบักเอ้บ ขนาดพี่แมวบอกว่าเคยเห็นนกอินทรีจากสารคดีทางทีวีบ่อยๆ ยังเผลออุทาน
“คิดไม่ถึง ตัวจริงจะใหญ่ขนาดนี้”

eagle06

ผมเลยให้ข้อมูลเพิ่มเติม อันว่านกอินทรีมีอยู่หลายประเภท แต่นกอินทรีที่จัดเป็นนกอินทรีขนาดใหญ่จริงๆ นั้นอยู่ในสกุล Aquila ซึ่งเรียกว่าเป็นพวกนกอินทรีแท้ขนาดใหญ่ ทั่วโลกมีอยู่สิบกว่าชนิด และพบย้ายถิ่นเข้ามาในบ้านเรา 5 ชนิด ทุกชนิดจัดเป็นนกหายากถึงยากมาก แต่ก็พบได้ที่เขาย้อยถึง 4 ชนิด คือนกอินทรีปีกลาย (Greater Spotted Eagle) ที่กำลังดูอยู่ นกอินทรีทุ่งหญ้าสเตป (Steppe Eagle) นกอินทรีหัวไหล่ขาว (Imperial Eagle) แล้วตอนนี้มีนกอินทรีเล็ก (Booted Eagle) ถูกอัพเกรดรวมเป็นพวกอินทรีแท้ด้วยอีกตัวนึง

พี่แมวยังถามต่อไปอีก
“แล้วนกพวกนี้มาจากไหน”

นกอินทรีก็เหมือนนกที่อพยพเข้ามาในบ้านเราส่วนใหญ่ นกเหล่านี้มีแหล่งขยายพันธุ์อยู่ทางตอนเหนือของทวีปเอเชีย พอถึงช่วงฤดูหนาวที่มีสภาวะอากาศทารุณ จะอยู่หรือหากินก็ยากเข็ญ นกจึงต้องย้ายถิ่นลงมาทางใต้ มีบางส่วนพักอยู่ในเมืองไทยหลายเดือน ขณะที่บางส่วนก็บินเลยต่อไปอีก โดยเฉพาะนกอินทรีเล็กที่ไม่ค่อยแวะอยู่นาน

ทีนี้ตุ๋ย ท่าจีนร่วมวงสงสัยบ้างว่า
“ทำไมนกอินทรีถึงได้มาอยู่ที่ทุ่งนาแถวนี้”

eagle07

อันนี้ก็ตามปัจจัยหลัก ทั้งเรื่องของอาหารและความปลอดภัย อย่างที่รู้กันว่านกอินทรีเหล่านี้เป็นนกล่าเหยื่อ แล้วก็ชอบหากินอยู่ตามทุ่งโล่ง มิใช่ในป่าอย่างที่อาจมีคนเข้าใจผิด – ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มองเห็นอยู่ตรงหน้านี่ละ…นกชอบนัก แล้วก็จำเพาะเหมาะเจาะกับตอนที่นกอพยพมาถึงเป็นเวลาหลังฤดูเกี่ยวข้าว ชาวบ้านจึงปล่อยที่นาให้เหลือแต่ฟางหรือซังข้าวไว้บนพื้นดินแห้งๆ เพื่อคอยเวลาปล่อยน้ำเข้ามาเพื่อไถหว่านครั้งใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ช่วงนี้เองที่นกอินทรีสามารถมองเห็นหนูนาออกจากรูมาหากินบนพื้นโล่งๆให้จับกินได้ง่าย แล้วทุ่งนาเมืองเพชรที่ยังคงวิถีพื้นถิ่นดั้งเดิมแบบนี้ก็มีหนูนาให้จับกินไม่อั้นเหมือนบุฟเฟ่ห์โออิชิซะด้วย นกอินทรีทั้งสามชนิดจึงเลือกพื้นที่แถบนี้เป็นแหล่งอาศัยในช่วงกลางฤดูหนาวเรื่อยไป ก่อนจะจากไปเมื่อชาวบ้านเริ่มลงนาอีกครั้ง

พวกเราผลัดกันดูนกอินทรีปีกลายบนต้นตาลผ่านเทเลสโคปอย่างเพลินใจ จนกระทั่งแดดส่องแรงขึ้นราวกับส่งสัญญานเตือนให้กลับไปร่วมเปิดงานได้แล้ว…
………………………………………………………………………………

eagle08

เมื่อกลับไปถึงลานตากข้าวอีกครั้ง คราวนี้เห็นรถจอดต่อเป็นแถวยาวตลอดริมถนนด้านหน้า อีกฝั่งหนึ่งมีแถวมอเตอร์ไซค์เรียงเป็นระเบียบอยู่บนทางดิน ตี๋ สปูนบิลถึงกับออกปากชมว่าคนหนองปลาไหลช่างมีระเบียบเรียบร้อยดีมาก ส่วนผมก็รู้สึกดีใจที่เห็นคนมาร่วมงานอย่างคับคั่งเช่นนี้ แม้จะเพิ่งจัดเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น

“เทศกาลดูนกอินทรี ของดีเมืองเพชร” เกิดขึ้นได้ด้วยความมุ่งมั่นผลักดีนของผู้รักนก โดยมีคีย์หลักจากกลุ่ม Discoverythai และกลุ่มศึกษาเหยี่ยวและนกอินทรี แล้วได้สมาคมอนุรักษ์นกฯ ช่วยสนับสนุน และสำคัญที่สุดเมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาไหลได้เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นจึงเข้ามาร่วมดำเนินงานและสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานจนสำเร็จ

พอเดินเข้าไปในลานตากข้าว ยิ่งรู้สึกคึกคักราวกับมีงานมหกรรม ผู้คนหลายเพศวัยเดินกันขวักไขว่ ทั้งชาวหนองปลาไหลเจ้าถิ่นและชุมชนใกล้เคียง ไหนจะมีนักดูนกและช่างภาพมาร่วมงานอย่างหนาตา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกันดี – กิจกรรมอนุรักษ์ของคนรักนกคราใดเลยกลายเป็นงานพบญาติไปโดยปริยายฉะนี้แล…

eagle09

ภายในเต้นท์สีสวยด้านหน้าจัดเป็นซุ้มจำหน่ายสินค้าโอท๊อปเหมือนตลาดนัด ของดีหลายอย่างถูกนำมาขายเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหลาม ทองม้วน และขนมอีกหลายประเภทสมกับมาเยือนเมืองขนมหวาน ถัดไปเป็นซุ้มอาหารพื้นบ้าน พวกเราเลยได้ลิ้มรสขนมจีนน้ำยาปลาช่อนแสนอร่อยเป็นอาหารเช้า ตามด้วยขนมครกซึ่งขนาดคุณพี่เจ้าของสูตรออกตัวว่า ดำไปหน่อยเพราะลมแรง – ถึงอย่างนั้นตี๋ สปูนบิลยังยกนิ้วให้พร้อมกับสำทับว่า นี่แหละรสชาติดั้งเดิมแท้ๆ เลย

ถัดไปเป็นโต๊ะลงทะเบียนที่ยังมีคนยืนต่อแถวลงชื่อร่วมงาน แม้พิธีเปิดจะใกล้เริ่มเต็มที บ้างก็ยืนชมบอร์ดนิทรรศการเกี่ยวกับนกอินทรีที่หนองปลาไหล ที่กลุ่ม Discoverythai จัดแสดงภาพนกประกอบข้อมูลได้อย่างน่าชม ส่วนเต็นท์หลังใหญ่มีคนนั่งจับจองอยู่จนแทบไม่มีที่ว่าง

eagle10

พิธีเปิดงานเริ่มขึ้นตอนเกือบเก้าโมงเช้า ฟังจากพิธีกรบอกให้ทราบว่า มีแขกผู้ใหญ่ทั้งท้องถิ่นและระดับจังหวัดมาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีให้เกียรติมาเป็นประธานในงานนี้ โดยกล่าวชื่นชมที่ชาวบ้านท้องถิ่นได้ร่วมจัดงานเผยแพร่ของดีของชุมชนและร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ จากนั้นจึงได้เปิดแพรคลุมป้ายข้อมูลนกเป็นอันเสร็จพิธีการ

eagle11

แล้วไม่รู้ว่าทางผู้จัดได้นัดแนะไว้ก่อนหรือเปล่า – หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการก็ประจวบเหมาะกับมีนกอินทรีหัวไหล่ขาวตัวหนึ่งบินร่อนผ่านเข้ามาเหนือลานตากข้าวสร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนที่อยู่ในบริเวณได้เห็นกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะมีโอกาสเห็นนกอินทรีขนาดใหญ่ได้ง่ายๆ แบบนี้ในพื้นที่อื่นของเมืองไทย

อ. โทรกอน หรือ ดร. ไชยยันต์ เกสรดอกบัวจากกลุ่มศึกษาเหยี่ยวและนกอินทรีจึงรับบทพิธีกรภาคสนามให้ข้อมูลของนกอินทรีที่หนองปลาไหลแบบสดๆ โดยบอกถึงเหตุที่ทำให้นกอินทรีเลือกมาอยู่ที่บ้านหนองปลาไหลก็ด้วยปัจจัยความสมบูรณ์ของอาหารและสภาพแวดล้อม รวมทั้งความปลอดภัย จนนกอินทรีเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากปีก่อน – ข้อมูลจากการสำรวจของพี่โด่งแห่ง Discoverythai พบนกอินทรีปีกลาย 10 ตัว นกอินทรีหัวไหล่ขาว 2 ตัว และนกอินทรีทุ่งหญ้าสเต็ปอีก 4 ตัวมาอาศัยอยู่ที่บ้านหนองปลาไหลในปีนี้

eagle12

อ. โทรกอนเน้นย้ำให้ทุกคนเห็นความสำคัญต่อระบบนิเวศของนกอินทรีว่า มีส่วนในการช่วยกำจัดหนูหนา ศัตรูตัวฉกาจของชาวนา ประมาณว่าช่วงเวลา 4-5 เดือนที่อยู่ที่บ้านหนองปลาไหล นกอินทรีแต่ละตัวสามารถจัดการหนูนาได้ 300-600 ตัวเลยทีเดียว เรื่องนี้ให้เครดิตนกอินทรีเป็นมิตรแท้ของชาวนาได้เลย ดังนั้นเมื่อชาวบ้านปล่อยให้นกอินทรีอยู่อย่างเสรี ไม่ทำร้ายรังแกก็เท่ากับว่าพวกเขามีผู้ช่วยกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ต้องเสียค่าจ้างไปด้วย

ไม่น่าแปลกใจที่ถึงยามเหมันต์ ภาพนกอินทรีอันแสนหายากในพื้นที่อื่นกลับกลายเป็นสิ่งเจนตาคู่กับท้องนาบ้านหนองปลาไหลทุกปี
………………………………………………………………………

ก่อนกลับจากบ้านหนองปลาไหล ผมซื้อทองม้วนของกลุ่มขนมทองม้วน-ทองพับ ต. หนองปรง อ. เขาย้อย ที่บรรจุใส่ปี๊บใบเล็กๆ กระทัดรัด แถมปะรูปแม่สมจิต (เจ้าเก่า) การันตีกลับมาด้วย – ไปร่วมกิจกรรมท้องถิ่นทั้งที ก็ต้องช่วยสนับสนุนสินค้าของชาวบ้านกันหน่อย อย่างน้อยก็ถือเป็นน้ำใจตอบแทนพวกเขาที่ช่วยดูแลนกและถิ่นอาศัยเอาไว้

ระหว่างกินทองม้วนในรถ พวกเราคุยถึงความสนุกในการมาร่วมงานครั้งนี้อย่างได้รสชาติพอๆ กับทองม้วนกรอบอร่อยของแม่สมจิต แล้วนัดกันว่าต้องมาร่วมงาน “เทศกาลนกอินทรี ของดีเมืองเพชร” ครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

กว่าจะถึงตอนนั้น คำขวัญของ จ. เพชรบุรีอาจยาวขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ได้

“เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ
“เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม ถิ่นคามอินทรีใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น: