โดย:มะเมี้ยะ
|
| เห็นสัญลักษณ์นี้แสดงว่าได้มาถึงสวนKiwi 360 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว | |  | ทันทีที่เจ้านกยักษ์สยายบินถลาร่อนลงแตะพื้นรันเวย์ ของสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์อย่าง “เมืองโอ๊คแลนด์”(Auchland) หรือ อ็อคแลนด์ ประตูสู่เกาะเหนือ ของ “ประเทศนิวซีแลนด์” โดยสวัสดิภาพ ก็เท่ากับเป็นสัญญาณว่า อาการนั่งหลังขดหลังแข็งกว่า11ชั่วโมงของฉัน กำลังจะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสมาเยือนดินแดนในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้แห่งนี้ ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “มิดเดิ้ลเอิร์ธ” (Middle-earth) หรือ มัชฌิมโลก ซึ่งหมายถึงสถานที่ในนิยาย เนื่องจากเป็นประเทศหนึ่งที่บรรดาหนังใหญ่ระดับฮอลลีวู้ด เรียกใช้บริการเป็นสถานที่ถ่ายทำมากที่สุด เช่นเรื่อง The Lord Of The Ring , The Last Samurai เป็นต้น
|
| มองสวนKiwi 360 ในมุมสูง | |  | ฉันเดินทางมาที่นี่ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ฤดูกาลของนิวซีแลนด์ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงพอดิบพอดี จึงเป็นโอกาสงามที่จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีก่อนจะโรยรา และเป็นช่วงที่เกาะเหนือกำลังเย็นสบายเลยทีเดียว การเริ่มต้นผจญภัยต่างแดนในครั้งนี้ ฉันและเพื่อนร่วมชะตากรรมจากเมืองไทย พวกเราเลือกการเดินทางท่องเที่ยวแบบที่หลายคนซึ่งมาเยือนนิวซีแลนด์นิยมเลือกกัน นั้นคือการเดินทางด้วยการขับรถเที่ยว เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่ขับรถเที่ยวเองได้ง่าย สนุก โดยเฉพาะเกาะเหนือเส้นทางง่ายดายไม่วกวน งานนี้เมื่อพวกเราสามารถฝ่าด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้แล้วก็ไม่รอช้า ที่จะไปรับกุญแจรถ ซึ่งได้ติดต่อเช่าไว้จากเมืองไทย ก่อนจะเร่งรุดหน้าออกจากสนามบิน สำหรับคนที่คิดจะขับรถเที่ยวในต่างแดนแบบนี้สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีใบขับขี่สากล ไม่เช่นนั้นก็เช่ารถขับไม่ได้เช่นกัน ซึ่งการขอใบขับขี่สากลสามารถทำได้ที่กรมการขนส่งทางบกในบ้านเรา สำหรับคนที่จองล่วงหน้าจากเมืองไทยก็สามารถรับรถที่สนามบินได้เลย แต่ถ้าไม่ได้จองไว้ก็สามารถไปเช่าที่เคาน์เตอร์ของแต่ละบริษัทที่ให้บริการที่มีอยู่ในบริเวณสนามบินได้เลยเช่นกัน
|
| ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวแบบเหนือชั้น | |  | เมื่อกุญแจพร้อม เก็บสัมภาระพร้อม พวกเราก็สตาร์ทเครื่อง เริ่มต้นบุกเกาะเหนือกันทันที แม้ว่าจะมาถึง “โอ๊คแลนด์” เป็นที่แรก แต่พวกเรากลับเลือกที่จะเลี่ยงออกนอกเมืองไปยังจุดหมายอื่นก่อน โดยตั้งใจว่าจะให้ “โอ๊คแลนด์” เป็นเป้าหมายสุดท้ายของการเดินทางในทริปนี้ โดยวันแรกนี้เรามีเป้าหมายอยู่ที่เมือง “ตูรังก้า” (Tauranga) ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเล พวกเราใช้เวลาเดินทางนานกว่า 2ชั่วโมงครึ่ง จากโอ๊คแลนด์มาถึงตูรังกาก็เป็นเวลาใกล้ค่ำพอดี ซึ่งพักผ่อนเอาแรงในค่ำคืนแรกที่ตูรังก้า ในที่พักแบบ “โมเต็ล” เล็กๆแต่มีทุกอย่างครบครัน ที่นิวซีแลนด์สามารถดื่มน้ำเปล่าจากก๊อกได้ โรงแรมที่นี่ส่วนใหญ่จึงไม่มีน้ำเปล่าฟรีแถมให้ในตู้เย็น แต่จะมีนมใส่ไว้แทน
|
| ทัศนียภาพริมฝั่งทะเลใกล้สวนKiwi 360 | |  | เช้าวันใหม่ในนิวซีแลนด์เป็นเช้าแห่งการเริ่มต้นผจญภัยอย่างแท้จริง หลังจากกินอาหารเช้าจานใหญ่ที่ส่งเสิร์ฟกันถึงห้องแบบประทับใจ พวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เป้าหมายแรกของวันนี้กันทันที คือ ที่เมืองเล็กๆแต่แสนจะโดดเด่นอย่าง “เทปูเก้” (Te Puke) ที่ตั้งอยู่ห่างจากตูรังก้าเพียงแต่ขับรถครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมืองเทปูเก้ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงโลกของผลไม้ดัง หนึ่งในสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์อย่าง “กีวี” เรามาที่นี่เพื่อมาชมสวน “กีวี 360 องศา”(Kiwi 360)สวนกีวีขนาดใหญ่และมีไฮไลท์ตรงที่มีเฮลิคอปเตอร์ไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวในมุมสูง อ้อ...แต่ก็ไม่ฟรีนะจ๊ะ ใครอยากเห็นของสูงก็ต้องจ่ายเพิ่มหน่อย
|
| ผลกีวีที่ออกลูกเต็มต้นรอวันสุกงอม | |  | ซึ่งงานนี้ฉันก็มีโอกาสได้ขึ้นเจ้าเฮลิคอปเตอร์สีแดงชมวิวทางอากาศ โดยรอบหนึ่งกินเวลา 6 นาที เป็น 6 นาที ที่มีค่ามาก ในมุมสูงนี้ฉันเห็นไร่กีวีชัดเจนว่าที่นี่เขาปลูกกีวีกันมหาศาล มีการใช้ภูมิปัญญาด้วยการปลูกต้นสนเรียงรายเป็นทิวแถว เพื่อใช้บังลมกันมิให้ลมพัดลูกกีวีร่วงก่อนการเก็บเกี่ยว วิวในมุมสูงนี้ทำให้ฉันได้เห็นชายฝั่งทะเลของเทปูเก้อีกด้วย
|
| ฉวัดเฉวียงกับjetboat ที่ Spring Loaded | |  | จากนั้นกลับลงมาสู่ภาคพื้นดินกันบ้างเพื่อนั่ง “รถไฟลูกกีวี” ก่อนชมสวนเราก็ต้องมารู้ประวัติผลกีวีกันสักนิด แต่เดิมนั้นนิวซีแลนด์นำเข้ากีวีซึ่งเดิมเรียกว่า “ไชนิส กูสเบอร์รี่” จากประเทศจีนครั้งแรกในปีค.ศ. 1906 จากนั้นนิวซีแลนด์สามารถปลูกกีวีได้ดีจนประสบความสำเร็จนับแต่นั้น กีวีจึงเป็นผลไม้ที่ทั่วโลกรู้จักดีว่าเป็นผลไม้ของนิวซีแลนด์และได้รับความนิยมไปทั่วโลก
|
| อีกหนึ่งอรรถรสของการนั่งjetboat คือจะได้ชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด | |  | การนั่งรถไฟลูกกีวีเข้าชมสวนนี้ นอกจากเราจะได้เห็นลูกกีวีที่ห้อยระย้าย้อยเต็มพรึ่บทั้งแปลงแล้ว เรายังจะได้ชมการคัดเลือกผลกีวี ตลอดจนการจัดเก็บ กระทั่งเป็นหีบห่อก่อนส่งออกสู่ตลาดไว้เป็นความรู้อีกด้วย เช่น การจะดูว่าผลกีวีสุกหรือยังนั้นก็ไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะทำได้สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญวัดปริมาณน้ำตาลกันเลยทีเดียว ไกด์ประจำรถไฟลูกกีวีบอกกับเราว่าช่วงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีคนงานจากไทย อินโดนีเซียและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่แหละ ที่เดินทางมาเก็บเกี่ยวผลกีวี ซึ่งกีวีที่นี่ก็มีทั้งสีเขียวและสีทอง
|
| เฟิร์นสีเงินหนึ่งในสัญลักษณ์ของนิวซีแลนด์ | |  | กินกีวีจนเต็มอิ่มแล้วก็เดินทางขับรถมาอีกไม่ไกล เพื่อมุ่งหน้ามายัง “Spring Loaded Fun Park”เพื่อเล่น “เจ็ตโบ็ท”(jetboat) กิจกรรมแล่นเรือเร็วที่สนุกสนานทั้งฉวัดเฉวียงหวาดเสียวนิดๆ ไม่เพียงแต่เปียกชุ่มเท่านั้นแต่ยังเป็นการแล่นเรือเพื่อพาพวกเราไปชมความสมบูรณ์ของผืนป่าและสายน้ำอันพิสุทธิ์
|
| ริมฝั่งทะเลสาบเตาโป | |  | ที่พิเศษเกินใครคงเพราะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสเห็น “เฟิร์นสีเงิน” (Silver Fern) หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ขึ้นต้นสูงผลิใบสีเงินสวยในผืนป่าใหญ่ กลับขึ้นมาในครึ่งวันนี้ พวกเราจึงเปียกปอนกันเป็นแถบๆแต่ก็สนุกสุดเหวี่ยงกันถ้วนหน้า
|
| ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง | |  | จากนั้นมุ่งหน้าลงใต้เราผ่านเมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งคือเมือง “เตาโป” (Taupo)เมืองแห่งการตกปลาเทราต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะที่นี่คือเมืองอันเป็นที่ตั้งของ “ทะเลสาบเตาโป” (Lake Taupo) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ ซึ่งเกิดจากการที่ภูเขาไฟระเบิดแล้ว ทำลายส่วนยอดของภูเขาไฟไปเมื่อราว 2,000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ใกล้กับต้นน้ำ “ไวกาโต้” (Waikato River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในนิวซีแลนด์ เตาโปเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่สำคัญเมืองหนึ่งและเป็นสวรรค์ของนักชิมเพราะมีภัตตาคารดีๆหลายแห่ง สำหรับการตกปลาเทราต์ต้องมีใบอนุญาตมิฉะนั้นอาจถูกปรับได้
|
| น้ำตกฮูก้าที่ไหลด้วยปริมาณน้ำมหาศาล | |  | มาถึงเตาโปแล้วถ้าฉันจะพลาดไม่ไปชมแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ก็คงเหมือนมาไม่ถึง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ฉันต้องมายืนอยู่ที่ “น้ำตกฮูก้า” (Huka Falls) น้ำตกสีครามขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำที่ตกลงมาเฉลี่ยแล้ว คือ 2 แสนลิตรต่อวินาที มีต้นกำเนิดมาจากแม่น้ำไวกาโต้ ซึ่งไหลมาจากทะเลสาปเตาโป โดยคำว่า“Huka” ในภาษาเมารีแปลว่า “โฟม” มีที่มาจากฟองที่ขาวอันเกิดจากการที่น้ำตกลงมานั่นเอง อ้อ...อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมืองมาที่น้ำตกแห่งนี้คือ Jet Boat แบบเสียว ๆ ที่จะพาเราแล่นเข้าหาน้ำตก เมื่ออิ่มใจกับสายน้ำแล้วฉันจึงมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปทันทีที่เมือง “เนเปียร์”(Napier) (โปรดติดตามตอนต่อไป)
|
| น้ำสีครามของน้ำตกฮูก้า | |  | * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ประเทศนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศเป็นเกาะ ตั้งอยู่ทางซีกโลกใต้ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองไทยมายังโอ๊คแลนด์ในเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ราว 11 ชั่วโมง เงินนิวซีแลนด์มีหน่วยหลักเป็นดอลลาร์ (Dollar, $NZ) และหน่วยย่อยเป็นเซนต์ (Cent, cNZ) โดย 100 cNZ เท่ากับ 1 $NZ มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ประมาณ 23 บาทต่อ 1 $NZ (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น) นิวซีแลนด์ใช้กระแสไฟฟ้าเหมือนบ้านเรา (230V / 240V 50Hz) ปลั๊กเป็นแบบขาเอียงแบบสองขา (สามารถใช้แบบมีสายกราวด์สามขาได้เช่นกัน) ซึ่งหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายเครื่องไฟฟ้าทั่วไป การเดินทางไปยังประเทศนิวซีแลนด์ เวลาที่นิวซีแลนด์เร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง สามารถเดินทางไปโดยสายการบินไทยที่มีบินตรงสู่เมืองโอ๊คแลนด์ ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย โทร.0-2670-0114-5หรือที่ www.tourismnewzealand.com
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น