 | กราบเรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพ เมื่อวันหลังสงกรานต์ อาจารย์เรียกผมไปพบ เร่งรัดให้รีบระดมบุคลากรและทรัพยากรมาช่วยกันกอบกู้ภาคอีสาน ในฐานะที่เป็นชาวอีสาน ผมซาบซึ้งมากที่อาจารย์บอกว่าหากเราทำให้คนอีสานซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศพ้นทุกข์ไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าเมืองไทยจะมีศานติสุข อาจารย์สมเพชเวทนาชาวอีสานที่พากันมาชุมนุม แบบที่ส่วนใหญ่คงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ผมคิดว่าคงจะจริง ชาวอีสานเป็นคนพาซื่อยากจนและหวังพึ่ง จึงตกเป็นเหยื่อให้คนหลอกได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่อาจารย์ตอบสนองคำเชิญพวกเราให้มาเป็นประธานมูลนิธิสังคมไทยสีเขียวอย่างไม่รีรอ พวกเราเสียอีกมัวแต่ชักช้ากันอยู่ ผมขอกราบเรียนว่า เหตุการณ์บ้านเมืองที่ไร้ปกติสุข มันทำให้อะไรๆ ช้าไปหมดครับ อนึ่ง การทำงานแบบอาสาสมัครไม่มีตำแหน่งยศถาบรรดาศักด์หรือเงินทองเป็นเครื่องจูงใจตอบแทน คนไทยเรามักจะไม่กระตือรือร้น ต่างกับอาจารย์ดังที่ได้ยินหลายๆ คนพูดว่า “ดูแต่อาจารย์ระพีซิ อายุ 88 ปีแล้วก็ยังทำงานให้แก่สังคมหนักมากกว่าเก่า แล้วเราจะท้อได้อย่างไร” เรื่องมันน่าขำหรือน่าเศร้าครับอาจารย์ นอกจากอาจารย์แล้ว คนที่คอยเร่งพวกเราอยู่เสมอ คือ คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ เจ้าของตำรับลงทุนอย่างไรจึงทำให้ชนะตลาดหุ้น คุณโฉลกมีศานุศิษย์อยู่ใน http://www.chaloke.com/" CLASS="innerlink" TARGET="_blank">www.chaloke.com ถึง 18,000 กว่าคน แต่งานที่คุณโฉลกจะทำให้พวกเรานี้ คือ การช่วยเหลือชาวนาไทย ให้ได้กำไรก่อนไถหว่าน คุณโฉลกได้ออกงานสนามกับเราที่วังน้ำเขียวและหนองคายหลายครั้งแล้ว เพื่อฝึกอบรมครูผู้ปกครองนักเรียนและกสิกรในกองทุนฟื้นฟูหนี้สิน อีกคนคือ ดร.ไสว บุญมา (www.sboonma.com) ที่มากราบอาจารย์ก่อนบินกลับบ้านที่วอชิงตัน ดี.ซี. ดร.ไสวเกษียณก่อนเวลาจากเศรษฐกรอาวุโสของธนาคารโลก ภริยาขออยู่ต่อที่นั่น ดร.ไสวเลยต้องบินไปบินมา เพื่อสร้าง “วงจรมงคล” คือการสนับสนุนให้คนดีได้พบและร่วมงานกัน สร้างตน สร้างสังคมและสร้างชาติ ดร.ไสวเขียนหนังสือ 20 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง ทั้งๆ ที่ ดร.ไสวจบปริญญาตรีจาก Claremont เรียนเศรษฐศาสตร์กระแสหลักสอบไล่ได้ที่ 1 summa cum laude แต่ก็ไม่เชื่อว่าทุนนิยมเสรีจะแก้ปัญหาอะไรให้กับเมืองไทยได้ พวกเรากับคุณโฉลกและดร.ไสวไปร่วมประชุมกันหลายครั้งและหลายที่แล้วครับทั้งที่โคราชและหนองคาย ได้เตรียมทำโครงการย่อยต่างๆ หลายโครงการ ทั้งสองคนใจร้อนและตักเตือนเพื่อนร่วมหนุ่มสาวเสมอว่า “เราจะมีโอกาสนำแนวคิดเรื่องรู้กำไรก่อนไถหว่านไปถึงมือชาวนาด้วยกันไหมเนี่ย ก่อนตาย ผมอยากเห็นแนวคิดนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองไทย ให้ชาวนาได้หลักคิดที่ถูกต้องเสียที (ดร.ไสว 12 เมษายน 2553)” และ “ก็เหมือนที่เราเคยคุยกันนะครับ ชีวิตเราเหลือน้อย อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นครับ (คุณโฉลกถึงดร.ไสว)” ฟังคนอายุต้นและกลางหกสิบแล้ว ทำให้คนกลางเจ็ดสิบอย่างผมถามตัวเองว่านี่เขาขู่เราหรือเปล่า แต่เมื่อนึกถึงอาจารย์ที่อายุ 88 ปีแล้วยังไม่ยอมหยุดทำงานแม้แต่เสาร์อาทิตย์ แถมลงคลุกผืนแผ่นดินด้วยตนเองมิใช่ละเลงด้วยฝีปาก คนอย่างผมจึงไม่มีสิทธิบ่นว่าเหนื่อยและยินดีรับใช้อาจารย์เสมอ เพื่อให้อานิสงส์ตกแก่แผ่นดินและเพื่อนร่วมชาติ เมื่อวันที่ 21 เมษายนนี้ ผมไปหนองคายกับคุณโฉลก ที่หนองคายผมรับใช้วิทยาลัยประชาคมเพื่อนักเรียนและคนทำงานที่เสียเปรียบ (http://www.fgcc.ac.th/" CLASS="innerlink" TARGET="_blank">www.fgcc.ac.th) ต้องต่อสู้กับค่านิยมและการข่มเหงอย่างแสนสาหัส แต่ที่เราไปวันนั้นเพื่อคุณโฉลกจะบรรยายเรื่อง “เกษตรกรรมอำไพ มีกำไรก่อนไถหว่าน” ให้ตัวแทนของกองทุนฟื้นฟู ทั้งจังหวัดหนองคายเกษตรกรที่มีหนี้สิน ในกองทุนมีอยู่ถึง 110,000 คน แต่ผู้ที่มาฟังคือผู้จัดการสำนักงานจังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนครและกาฬสิมธุ์ และผู้นำองค์กรต่างๆ ในกองทุนจากหนองคายประมาณร้อยคน โดยคุณหินชนวน อโศกตระกูล ผู้จัดการสำนักงานหนองคายเป็นเจ้าภาพ นอกจากนั้นเราก็ไปเยี่ยมโรงเรียนค่ายบกหวานวิทยา และค่ายบกหวานโพนตานที่ตั้งอยู่ตรงกันข้าม ห่างจากตัวจังหวัดเลี้ยวถนนมิตรภาพที่ กม.11 เข้าไปราวๆ 2 กม.เศษ เลยไปอีกเล็กน้อยมีสนามกอล์ฟแชมเปี้ยนชิป สร้างโดยอดีต อ.ตร. พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก แล้วขายต่อให้คุญเจริญ เจ้าของเบียร์ช้าง ทั้งสองโรงเรียนเมื่อเทียบกับความโอ่อ่าของสนามกอล์ฟแล้วทำให้เกิดความรู้สึกกังวล ยิ่งเมื่อครูที่โรงเรียนเล่าให้ฟังว่าเสี่ยเจริญมากว้านซื้อที่ใกล้เคียงไปกว่า 2 หมื่นไร่แล้วก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง พวกเราไม่อยากเห็นโรงเรียนร่อยหรอครูและนักเรียนลงทุกปี เสี่ยงต่อการถูกปิด จึงต้องการไปรวมกลุ่มนักเรียน-ครู-ผู้ปกครองให้ช่วยกันสร้างโรงเรียนสีเขียววิถีเกษตรพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว บวกกับโครงการ “เริ่มต้นที่ ม.4 เพียง 5 ปีจบปริญญาตรีรามฯ” ด้วยการนำนักเรียนดียากจนจากภายนอกมาเรียนประจำควบกับโครงการปรีดีกรีของมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยจะเริ่มผลิตครูสอนภาษาอังกฤษก่อนรุ่นละ 60 คน ร่วมกับราม FGCC และมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เราจะต้องหาทุนให้นักเรียน (ครูและการจัดการ) ตกหัวละ 6 หมื่นบาท โครงการแบบนี้ Bill Gates ทำในอเมริกาออกทุนให้หมดทั้งประเทศ เสียดายที่เมืองไทยเราไม่มีเศรษฐีที่มีจิตใจอย่างนี้ ค่ายบกหวาน เป็นตำบลเหมือนชนบทที่ยากจนทั่วไป แต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะในรัชสมัย ร.5 เป็นที่กองทัพสยามไปปลงทัพตั้งค่ายเตรียมตัวไปปราบกบฏฮ่อในลาว ขุนนาถนาฮี ผู้ปกครองนาฮีก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นค่ายบกหวานเป็นบิดาของพ.ต.ท.บุญเลิศ นันทโพธิเดช บิดาของพันโท ณรงค์เดช นันทโพธิเดช ทหารเสือพระราชินีที่เสียชีวิตก่อนวัยในอเมริกา และเป็นบรรพบุรุษของพันเอกเกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ที่ถูกยิงสมองโดยกบฏแดงในวันที่ 10 เมษายนนี้ สำหรับที่โคราชเราจะเน้นที่การปรับปรุงโรงเรียนทั้ง 58 ที่เป็นโรงเรียนอ่อนแอ อบจ.โคราชรับโอนมาให้เป็นโรงเรียนสีเขียว ครูและผู้ปกครองมั่งคั่งโดยสูตรของคุณโฉลก นอกจากนั้นก็มีศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่วังน้ำเขียว ซึ่งคุณหมอประสานและกัลยาณมิตรจากญี่ปุ่นและอเมริกาไปสำรวจมาแล้ว มั่นใจว่าจะปรับปรุงให้เป็นต้นแบบบริการผู้สูงอายุระดับแนวหน้าของโลกได้ อาจารย์ครับ งานทั้งปวงที่พวกเราทำที่โคราชและหนองคายมีโอกาสกลายเป็นเบี้ยหัวแหลกหัวแตกไม่ยั่งยืน เว้นเสียแต่ว่าเราจะมีมูลนิธิเป็นแกนกลาง ทำหน้าที่วิจัยหาความรู้ หาบุคลากรที่เหมาะสม และหาทุนให้แต่ละโครงการดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัดและรับผิดชอบ วันที่ 14 มกราคมที่พวกเราไปรบกวนเชิญอาจารย์เป็นประธานมูลนิธิ GIFT หรือ Green Initiative Foundation of Thailand มีคุณหญิงกัลยา ธิดาโคราช โสภณพนิช รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มาร่วมเป็นพยานด้วย นอกนั้นมี คุณหมอไพจิตร ปวะบุตร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข คุณหมอสำเริง แหยงกระโทก นายก อบจ.นครราชสีมา และคุณโฉลก ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กับ ดร.ไสว บุญมา ติดธุระมาร่วมประชุมไม่ได้ แต่สัญญาว่าจะร่วมงานและช่วยเหลือทุกอย่าง หลังจากนั้นเราได้ไปชักชวนคนอื่นๆ อีกมาก เช่น คุณหมอประสาน ต่างใจกับคณะจิตวิวัฒน์ ดร.เตช บุนนาค อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ดร.วิชัย ตันศิริ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ดร.ชัยอนันต์ คุณพงศ์โพยม อดีตผู้ว่าฯ โคราชและปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้นำสังคมไทยทั้งในและนอกราชการทั้งในกรุงเทพฯ และโคราชจำนวนมากตามรายชื่อที่ผมแนบมานี้ ผมต้องกราบขอโทษที่ต้องให้อาจารย์เร่ง อาจารย์จะให้คุณอำนวย ที่อาศรมศิลปเป็นผู้ช่วยจัดตั้งมูลนิธิ ผมว่าเราพร้อมแล้วครับ ยังขาดอยู่แต่เงินทุนดำเนินการเบื้องต้นและเงินทุนจดทะเบียน พวกเราคงจะต้องลงขันและป่าวร้องเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์มีส่วนร่วมในการบริจาคทรัพย์และบริจาคแรงในงานสำคัญครั้งนี้ด้วย ผมขออนุญาตเปิดผนึกจดหมายนี้ และให้ที่อยู่ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ประธานสถาบันอาศรมศิลป (www.arsomsilp.ac.th), เลขที่ 9/13 หมู่ 5 ถนนพระราม 2 ซอย 33 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 โทรศัพท์ 0-2459-3226-7, 0-2867-0903-4 โทรสารต่อ 139 E-Mail : admin@arsomsilp.ac.th เบอร์บัญชีออมทรัพย์ “สถาบันอาศรมศิลป” ธนาคารกรุงเทพ สาขาประชาอุทิศ เลขที่ 086-994-4050 (โปรดระบุด้วยว่า ศ.ระพี หรือโครงการสีเขียว) ผมขอบพระคุณและขอยืนยันว่า ผมพร้อมที่จะร่วมกับอาจารย์ลงคลุกฝุ่นคลุกพื้นดินเพื่อรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และบ้านเกิดเมืองนอนครับ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งจากปราโมทย์ นาครทรรพ
| | | | | | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น