วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

แปลงโฉมกะลามะพร้าว ใส่ดีไซน์เนรมิตโคมไฟหรู
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2553 09:41 น.
กะลามะพร้าวเปล่าประโยชน์ จับมาเติมไอเดียสร้างสรรค์ กลายเป็นผลิตภัณฑ์โคมไฟสุดหรูดีไซน์โดดเด่น ถูกใจตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นผลงานจากกลุ่มกะลามะพร้าวบ้านควนขนุน จ.พัทลุง ที่เป็นอีกตัวอย่างของการพลิกวิกฤตสู่โอกาสธุรกิจได้สำเร็จ

เรณู (ขวา) กับลูกสาว กนกวรรณ ชูพิทักษณาเวช
เรณู ชูพิทักษณาเวช วัย 65 ปี ประธานกลุ่มกะลามะพร้าวบ้านควนขนุน จ.พัทลุง เล่าว่า เดิมเธอและสามี (สาธิต ชูพิทักษณาเวช) ทำอาชีพผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ แต่หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง คำสั่งซื้อลดลงอย่างมาก อีกทั้ง คนในท้องถิ่นตกงานมากขึ้น จึงพยายามมองอาชีพอื่นมาเสริม ซึ่งในท้องถิ่นมีกะลามะพร้าวเหลือทิ้งจำนวนมาก ทำให้เกิดแนวคิดนำกะลามะพร้าวมาแปรรูปเพิ่มค่า โดยใช้เครื่องจักรและความรู้ช่างที่มีอยู่เดิมเป็นพื้นฐานผลิต

“ป้าตั้งกลุ่ม พ.ศ. 2544 รวบรวมสมาชิกเบื้องต้นประมาณ 30 คน โดยเอากะลามะพร้าวมาทำเป็นเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เช่น ช้อนส้อม ตามด้วยทำเป็นเม็ดกระดุม ซึ่งตอนนั้น ในตลาดยังแทบไม่มีกลุ่มผู้ผลิตสินค้าจากกะลามะพร้าวเลย กลุ่มของป้าจึงเป็นผู้บุกเบิกตลาด ทำให้สินค้าได้รับความนิยม มีออเดอร์เข้ามาจนทำไม่ทัน” ประธานกลุ่มเผย

อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดสินค้ากะลามะพร้าวได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้มีกลุ่มผู้ผลิตรายอื่นๆ ทั่วประเทศ ทำสินค้าคล้ายคลึงกันออกมาจนล้นตลาด ต้องขายตัดราคากันเอง

โคมไฟแบบตั้งโต๊ะ
เพื่อจะหลีกหนีการแข่งขันดังกล่าว เรณูและสมาชิกช่วยกันประชุมระดมสมอง จนนำมาสู่การแปลงโฉมกะลามะพร้าวเป็นของตกแต่งบ้าน อย่างโคมไฟ ซึ่งกลายเป็นผลงานสร้างชื่อระดับประเทศ

“จุดเด่นของโคมไฟกะลามะพร้าว คือ ดีไซน์แนวใหม่ ดูหรูหรา มีรายละเอียดมาก สะดวกต่อการใช้งาน สามารถถอดประกอบได้ทั้งหมด มีความเป็นสากล แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของกะลามะพร้าวไว้ ซึ่งป้ากับสมาชิกจะช่วยกันออกแบบ โดยใช้ข้อแนะนำจากลูกค้ามาประยุกต์ และที่สำคัญ คุณลุง (หมายถึงสามีของเธอ) ออกแบบเครื่องจักรตัดแต่งชิ้นส่วนกะลาโดยเฉพาะขึ้นเอง ช่วยให้การผลิตมีคุณภาพสูง ทำรูปแบบที่มีรายละเอียดซับซ้อนได้ และทำได้ครบวงจร ทำให้ไม่มีผู้ผลิตรายอื่นๆ เลียนแบบโคมไฟของกลุ่มเราได้” เรณู เผย

โคมไฟสุดหรูของกลุ่มกะลามะพร้าวบ้านควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับคัดเลือกเป็นโอทอป 5 ดาวของประเทศ มีทั้งหมดกว่า 10 แบบ ทั้งตั้งโต๊ะ แขวน ระย้า และติดผนัง ราคาตั้งแต่ 650-3,500 บาท นอกจากนั้น เศษวัสดุกะลาจากการทำโคมไฟ ยังนำไปแปรรูปเป็นเครื่องใช้นานาชนิด เช่น นาฬิกา เข็มขัด แหวน เครื่องใช้ในครัวเรือน โมบาย กระเป๋าสตางค์ ฯลฯ รวมแล้วกว่า 30 รายการ สำหรับแรงงานผลิตทั้งหมด ประมาณ 50 คน ต่อเดือนผลิตโคมไฟ ประมาณ 60 ชิ้น ส่วนของใช้อื่นๆ ประมาณ 200 ชิ้น สร้างรายได้เข้ากลุ่มประมาณ 150,000-200,000 บาทต่อเดือน

สำหรับลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงแรม รีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ และนักท่องเที่ยว ผ่านช่องทางตลาด วางขายที่ห้างสรรพสินค้าใน จ.พัทลุง และออกบูทงานแสดงสินค้าโอทอป รวมถึง ผลิตตามคำสั่งซื้อ

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าวแปรรูป กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดส่งออก โดยลูกสาวของประธานกลุ่ม อย่างกนกวรรณ ชูพิทักษณาเวช ได้เข้ามาช่วยต่อยอด

ทายาทธุรกิจ เล่าว่า เบื้องต้นได้ขยายตลาดผ่านเว็บไซต์ www.paranoo.th.com ซึ่งจะมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เพื่อให้ลูกค้าสั่งออเดอร์ได้โดยตรง รวมถึง กำลังสร้างแบรนด์ของตัวเอง นอกจากนั้น เตรียมพร้อมที่จะส่งออกด้วยตัวเอง จากเดิมแค่รับจ้างผลิต แล้วขายผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐอย่างสำนักงานส่งเสริมเอสเอ็มอี (สสว.) กรมส่งเสริมการส่งออก พาไปสำรวจตลาดและเปิดตัวในต่างประเทศ โดยเฉพาะย่านอาเซียน ที่ถือเป็นตลาดใหม่ของไทย

ทำเป็นนาฬิกาข้อมือ
“จากที่ได้เปิดตัวสินค้าในต่างประเทศ แทบทุกแห่งให้การตอบรับดีมาก แต่เรายังต้องกลับมาเตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นวางระบบการผลิต ซึ่งยังมีปัญหา ทำไม่ทันต่อความต้องการของตลาด ศึกษากฎระเบียบต่างๆ ของแต่ละตลาด พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานส่งออก และการขนส่ง ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพราะเห็นว่า สินค้าของเรามีศักยภาพที่จะไปสู่ตลาดส่งออกได้จริง” กนกวรรณ ระบุ

ดัดแปลงเป็นเข็มขัด


@@@@@@@@@@@@

โทร.08-9657-0413, 08-0701-7352 และ www.paranoo.th.com

ไม่มีความคิดเห็น: