วันหยุดอีกวันหลังจากผมกลับมาจากพักผ่อนชายทะเลที่ระยองนอนฟังเสียงคลื่น ตื่นชมแสงตะวัน ที่ระยอง ผมเดินทางไปต่อที่แปดริ้ว...
ในระหว่างที่นั่งในรถกับเพื่อน มีใครสักคนในรถถามคำถามมาว่า
ทำไมฉะเชิงเทรา ถึงได้เรียกว่า “แปดริ้ว
เอ...ทำไมนะ??
ผมนั่งเงียบๆในรถคิดไปเรื่อยเปื่อย นั่งฟังคำถาม คำตอบ ของเพื่อนๆร่วมทาง ก็ได้ความรู้ไปด้วย ถือว่าเป็นความรู้ใหม่...โดยสรุปที่ผมจับใจความได้ก็คือ ความเป็นมาของชื่อ “แปดริ้ว” นั้น เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ในลำน้ำอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด โดยเฉพาะปลาช่อนซึ่งเป็นปลาน้ำจืดรสดีมีชุกชุมและมีขนาดใหญ่กว่าปลาช่อนในท้องถิ่นอื่น ๆจนเมื่อนำมาแล่เนื้อเพื่อตากทำปลาแห้งจะแล่เพียงสี่ริ้ว หรือห้าริ้วตามปกติไม่ได้ต้องแล่ออกถึง “แปดริ้ว”เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า “แปดริ้ว” ตามขนาดอันใหญ่โตของปลาช่อนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมือง
ผมค้นหาเพิ่มเติมได้ความหมาย นอกจากชื่อ “แปดริ้ว” ยังได้รับอิทธิพลมาจากนิทานพื้นบ้าน คนในท้องถิ่นพนมสารคามเล่าถึงเรื่อง “พระรถ – เมรี”ซึ่งเป็นนิทานเรื่องหนึ่งในปัญญาสชาดกว่า ยักษ์ได้ฆ่านางสิบสองแล้วลากศพไปยังท่าน้ำในบริเวณที่เป็นคลอง “ท่าลาด”แล้วชำแหละศพออกเป็นริ้ว ๆ รวมแปดริ้วแล้วทิ้งลอยไปตามลำน้ำท่าลาด ริ้วเนื้อริ้วหนังของนางสิบสองลอยมาออกยังแม่น้ำบางปะกง ไปจนถึงฉะเชิงเทรา เมืองนี้จึงได้ชื่อว่า “แปดริ้ว”
ถือว่าเป็นความรู้ใหม่...สำหรับผมวันนี้เลยทีเดียว ผมมีเพื่อนสนิทที่เป็นหนุ่มตี๋แปดริ้วสองคน ที่ดั้นด้นไปเรียนกับผมที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมก็ยังไม่เคยถามถึงความหมายของชื่อจังหวัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เป็นธรรมเนียมครับ...ไปแปดริ้วต้องไปที่วัดหลวงพ่อโสธร ไปนมัสการหลวงพ่อ ต้องทำใจหน่อยนะครับ ด้วยพลังศรัทธาฝูงมหาชนที่วัดหลวงพ่อนั้นมากมาย กว่าจะเข้าไปนมัสการถึงโบสถ์ชั้นในก็ทุลักทุเลพอสมควร ...ผมเก็บรูปที่วัดไว้ส่วนหนึ่ง ไว้จะนำมาให้ชมในโอกาสต่อไปครับ
ก่อนกลับ กทม. เราแวะ “ตลาดบ้านใหม่” เพื่อนโปรกล้องที่ร่วมทางบอกว่า ต้องไปให้ได้ ตลาดใหม่มีอะไรดี ตามผมมาครับ...
ก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชาม
ร้านกาแฟแป๊ะเอีย...มีบริการหมอดูด้วย
"ตลาดบ้านใหม่" ตลาดโบราณอายุกว่าร้อยปี ริมน้ำบางปะกง การเดินทางสามารถล่องเรือจากท่าเรือที่วัดโสธรมาก็ดูเก๋ดีครับ แต่คนมีเวลาไม่มากแบบผม เราบึ่งรถมาจากวัดโสธรประมาณ ๓ กม. ก็ถึงแล้ว ที่นี่หลากหลายของกินสารพัดคาว-หวานของกินอร่อยๆ เต็มไปหมด
กาแฟ กะล่อจี้ กุยช่าย ขนมตาล ปลา-กุ้งเผา ถุงทอง ไอศครีมโบราณ และอีกมากมาย ละลานตา ท้าทายพุงเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากขนม และ ของกินอร่อยๆแล้ว ที่นี่ยังมีบรรยากาศคล้ายตลาดสามชุกที่สุพรรณบุรี ทางชุมชนได้อนุรักษ์สภาพบ้านเรือนแบบดั้งเดิมไว้ ทั้งอาคารไม้เก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ศาลเจ้าโกมินทร์ ศาลเจ้าปุนเถ้าม้า ใกล้กันยังมีวัดจีนประชาสโมสร หรือวัดเล่งฮกยี่ ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้ขอพรจากเทพเจ้าไฉ่เซ่งเอี้ยให้ร่ำรวย เฮง เฮง
บรรยากาศเดิมๆ
อากาศเย็นสบาย...ตลอดทางเดิน
สีสัน...ของเล่นเด็กๆ
เเมวเหมียวแอบเศร้า..
ตากล้องมือสมัครเล่นแบบผม ก็เพลิดเพลินกับการถ่ายรูป อย่างมีความสุข ...เดินทั่วตลาดแล้ว สุดท้ายก็มานั่งทานอาหารริมน้ำบางปะกง ลมเย็นๆพัดสบายๆ ความสุขแบบประหยัดที่ใครๆก็สัมผัสได้ ...
มีโอกาสเชิญมาเที่ยวครับ...ตลาดโบราณ บ้านใหม่ ตลาดร้อยปี ริมฝั่งบางปะกง
เมืองไทยมีของดีมากมาย ไม่ไปไม่รู้จริงๆครับ
ชมภาพทริปของผมในวันนี้ครับ
ทางเข้าตลาดบ้านใหม่
กล้วยเเขก กลิ่นหอมชวนชิม ปากทางตลาด
บ้านเรือนเก่าๆ สุดคลาสสิก
ตั้งใจ..
อีกคนหนึ่งที่ตั้งใจ... :)
และคนนี้ สุดที่จะตั้งใจ นำเรื่องราวดีๆมาฝากมวลมิตรที่ gotoknow ครับ
*** ขอบคุณ โปรกล้อง น้องขวัญชัย ที่ช่วยถ่ายรูปหล่อๆของตากล้องมือใหม่แบบผมครับ
อ่านบันทึกพร้อมกับเคล้าเพลงเพราะๆ The Show ของ Lenka ที่นี่ครับ
>>> The Show
I’m just a little bit caught in the middle
Life is a maze and love is a riddle
I don’t know where to go
Can’t do it alone I’ve tried
And I don’t know why
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น