วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

เชฟจูเนียร์ มสด.บินไกลคว้าชัยสุดยอด"อาหารบุฟเฟต์" ณ นครดูไบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2553 23:01 น.
ขอแสดงความยินดีกีบ 4 หนุ่ม นำทีมโดย นายวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ , นายนิล สองเมือง , นายอภิญญา ห้วงดี และนายจตุพร อ่อนพรม นักศึกษาชั้นปี 4 หลักสูตรอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ และโรงเรียนการอาหารนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต(มสด.) หลังคว้าชัยชนะจากเวที การแข่งขันอาหารบุฟเฟต์ ในรายการ The Gloden Coffee Pot International Buffet Junior Challenge ณ World Trade Center นครดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในงาน Emirates Culinary Guild โดยมีสมาคมเชฟโลก World Association of Chef Society (WACS) เป็นผู้ประเมินผลการให้คะแนนโดยอาจารย์จารึก ศรีอรุณ เป็นผู้ควบคุมและผู้จัดการทีม พร้อมทั้งมีนายจำนง นิรังสรรค์ นายกสมาคมพ่อครัวไทย และMr.Willment Leong Sai Onn ผู้อำนวยการฝ่ายอาหาร โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด ร่วมเป็นทีมเดินทางในการแข่งขันด้วย

นักศึกษา มสด.คว้าชัยจากการแข่งขันอาหารบุฟเฟต์ ในรายการ The Gloden Coffee Pot International Buffet Junior Challenge ณ World Trade Center นครดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์
จารึก ศรีอรุณ อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้ควบคุมทีม กล่าวถึงที่มาของการแข่งขันครั้งนี้ว่า ก่อนที่จะได้ตัวแทนนักศึกษา 4 คนนี้ก็มีการคัดเลือกพอสมควร จนได้เป็นทีมนี้มาก็เป็นที่น่าพอใจ

"เราก็มีเวลาฝึกซ้อมค่อนข้างมาก จากความร่วมมือของโรงเรียนการอาหารนานาชาติ มสด. และสมาคมพ่อครัวไทย ทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสเก็บตัวฝึกซ้อมในสถานที่ประกอบการจริงในโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้งสิ้น ส่วนเมนูในการแข่งขันก็ผ่านการระดมความคิดของทุกคนในทีมงานรวมถึงตัวนักศึกษาเองก็มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เพื่อความเหมาะสมและสมบูรณ์แบบที่สุดในการแข่งขัน

ถือว่าเป็นความโชคดีที่เราได้ทีมที่มีความรักละตั้งใจทำงานดี การเตรียม ความพร้อมในด้านต่างๆ แม้จะยากกว่าการแข่งในไทยอยู่มากแต่ก็ราบรื่นดี มีที่ต้องปรับเปลี่ยนกันกระทันหันก็เป็นส่วนของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร แต่นักศึกษาเราก็ทำได้ดีครับ และเป็นเรื่องที่เกินความคาดหวังที่เราได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมาให้มหาวิทยาลัย”

วัฒนศักดิ์ (ซ้ายบน),จตุพร(ซ้ายล่าง),นิล(ขวาบน) และอภิญญา(ขวาล่าง)
ทั้งนี้ 4 หนุ่ม(ว่าที่) เชฟมือทอง ได้เผยถึงความรู้สึกหลังทราบผลการแข่งขัน นำโดย “วัฒนศักดิ์” เล่าถึงการแข่งขันระดับโลกครั้งนี้ว่า "ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีและเปิดมุมมองในวงการอาชีพเชฟมากขึ้น ความตื่นเต้นมีบ้างแต่ไม่กังวลมากนักเพราะว่าค่อนข้างมั่นใจในทีมครับ กับทีมเราจะบอกกับเพื่อนๆเสมอว่า เราต้องคว้าชัยกลับมาให้ได้ คือตั้งความหวังสูงไว้ก่อนครับ ได้ก็ดีไม่ได้ก็เป็นประสบการณ์"

สำหรับ“นิล” เจ้าตัวเอ่ยเสริมขึ้นทันทีว่า งานนี้เป็นงานแรกที่ได้ลงแข่งขัน รู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ยังดีที่ได้เห็นประเทศอื่นเขาลงสนามแข่งก่อน เลยทำให้ลดความประหม่าไปบ้าง อุปสรรคก็มีแค่ต้องเปลี่ยนวัตถุดิบจากเนื้อหมูเป็นเนื้อสัตว์ประเภทอื่นแทนเนื่องจากดูไบเป็นอิสลามครับ สำหรับครั้งแรกซึ่งเป็นเวทีระดับโลกก็ให้ประสบการณ์และเปิดมุมมองของวงการเชฟให้กับตัวเองได้มากทีเดียว น้องนิลยังฝากสูตรการทำอาหารไว้ด้วยว่า ควรทำอาหารทุกจานความ พิถีพิถันและใส่ใจเหมือนทำให้คนที่เรารักทานเอง

เช่นกับ “จตุพร ที่ยอมรับการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งถือเป็นครั้งแรกที่ได้ออกสู่เวทีระดับสากล “โชคดีที่แข่งเป็นทีม คือมีเพื่อนให้ปรึกษากันตลอด แต่ก็กังวลหลายเรื่องเหมือนกันเพราะว่าที่ดูไบต่างกับที่ไทยหลายอย่าง ภาษา อากาศ การกินอยู่ เหล่านี้ก็มีการศึกษาข้อมูลไปบ้าง แต่พอถึงเวลาที่ลงแข่งก็สมาธิดีครับ อาจารย์ก็เป็นที่ปรึกษาให้ตลอด 27 เมนูที่ใช้แข่งขันเลยครับ ที่สุดก็คือการได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมาครับ รางวัลนี้ยังให้อะไรอีกหลายอย่าง ทั้งการฝึกตัวเองให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยการรู้จักเสียสละ การให้อภัย และยังได้มิตรภาพ ได้ประสบการณ์ดีๆ ในชีวิตด้วย”

ทิ้งท้ายกับว่าที่เชฟ อีกคน อย่าง “อภิญญา” ถึงแม้ว่าจะเคยผ่านเวทีระดับโลกใน การแข่งขัน Worldskills ครั้งที่ 40 ที่ประเทศแคนาดามาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังกดดันอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถรักษามาตรฐานและความสามารถของตนได้ดีเมื่อครั้งที่ผ่าน แต่แล้วในที่สุดเขาก็ผ่านมาได้ แถมยังคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ

“ผมคิดเสมอว่า การผ่านเวทีการแข่งขันมากี่ครั้งก็ตาม ถ้าเราสามารถรักษาระดับฝีมือได้ดีก็เหมือนเป็นการได้พัฒนาฝีมือตัวเองไปด้วย ทุกคนในทีมเชื่อมั่นกันและกัน ทำให้ได้ฝึกการทำงานเป็นทีมรู้พูดรู้ฟังคนอื่น และฝากถึงน้องๆที่อยากเรียนทางด้านนี้ว่า ขอให้มีใจรักในสิ่งที่ทำไม่ใช่มาเพราะตามกระแส”

ไม่มีความคิดเห็น: