วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

นอนห้าทุ่มตื่นตีสาม


เรียน คุณสามวา สองศอก ที่เคารพอย่างยิ่ง

หลังจากเหตุการณ์บ้านเมืองที่มันปะทุขึ้นมา อีกทั้งรุนแรงยิ่งขึ้น ทำให้คนไทยผู้รักและเป็นห่วงใยบ้านเมืองจำนวนมาก ต้องตกลงไปอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์อย่างหนัก ซึ่งส่วนใหญ่โทษอีกฝ่ายหนึ่งด้านเดียว

แต่ผมคิดว่าการถือหลักธรรม อันหมายถึงมองให้เห็นได้สองด้าน อีกทั้งหวนกลับมาโทษตัวเองก่อนอื่น น่าจะแก้ปัญหาได้อย่างมั่นคง และไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายตามมาภายหลังมากนัก

แต่ผมไม่ค่อยจะไว้ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะขณะนี้คนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยเห็นแก่ตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าฝ่ายไหนหรือฝ่ายไหน "เมื่อเห็นแก่ตัว รากฐานจิตใจที่ควรจะซื่อสัตย์ต่อตนเองมันก็อ่อนแอ เมื่ออ่อนแอก็มักมีธรรมชาติที่มองออกจากตัวเองด้านเดียว" หลังจากนั้นจึงปล่อยให้เหตุการณ์มันผ่านพ้นไป อย่างไม่แยแสว่าอะไรมันจะติดตามมาอีก

ส่วนใหญ่มักมีแนวโน้มยึดติดอยู่กับอำนาจ "แบบตัวกูของกู" ก็ต้องเกาะกฎหมายซึ่งมันแก้ปัญหาได้ก็แต่เพียงเฉพาะหน้าเท่านั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้ ผมมองเห็นปัญหาและพูดมานานหลายปีแล้วว่า "การพัฒนาชนบทของเรามันล้มเหลวมาในอดีตอย่างสิ้นเชิง" แม้แต่เรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยมาก่อน ผมก็รู้ว่ามันเกิดจากการสังเกตดูได้ จากการที่คนในต่างจังหวัดซึ่งชีวิตยังตกทุกข์ได้ยาก และเป็นเกษตรกรส่วนใหญ่ มักมีแนวโน้มอพยพเข้าเมือง

เมื่ออพยพเข้าเมืองก็ย่อมมาก่ออาชญากรรม เพราะชีวิตจำต้องผิดหวัง เมื่อละทิ้งแผ่นดินถิ่นฐาน คนต่างชาติเขาก็เข้ามายึดครองเป็นเจ้าของ "เมื่อสิ้นแผ่นดินเราก็ย่อมสิ้นชาติในที่สุด" เรื่องนี้เป็นสัจธรรมที่ไม่มีคนชาติไหนจะหลีกเลี่ยงพ้น

ผมพูดมานานหลายปีแล้วว่าภายในเมืองกรุงเทพฯ นั้น โปรดสังเกตให้ดีว่าร้านค้าแผงลอย รวมทั้งยวดยานที่แน่นขนัดอยู่บนท้องถนน พอถึงเวลาปีใหม่หรือสงกรานต์ ตามขอบถนนแทบไม่มีคนขายของ แม้แต่จราจรที่เคยติดขัดอยู่บนผิวถนนมันก็ว่าง

นี่คือการสูญเสียเศรษฐกิจภายในเมืองหลวงอย่างเห็นได้ชัด เพราะไหนจะต้องกู้เงินมาสร้างถนนหนทาง สร้างทางด่วนเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่เพียงเท่านั้นบางครั้งต่างชาติยังเอาเงินมาบริจาคให้เราสร้างถนน เพราะต้องการขายรถซึ่งเราก็ไม่รู้เท่าทัน เพราะเห็นเงินตาโตนี่แหละ

ยิ่งผู้มีอำนาจกินใต้โต๊ะด้วยแล้ว มันก็เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย ทำให้สูญเสียเศรษฐกิจหนักมากยิ่งขึ้น โดยลงไปอยู่ในกระเป๋าส่วนตัว อันเป็นสิ่งไม่สมควรด้วยจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นการจัดการศึกษา ที่ว่ากระจายออกไปสู่ท้องถิ่นนั้น มันไม่ได้กระจายอุดมการณ์ความรักแผ่นดินภายในจิตวิญญาณ หากกระจายในด้านวัตถุซึ่งยิ่งซ้ำร้ายขึ้นไปอีก

การส่งเสริมเกษตรเราก็ผลิตคนส่วนใหญ่ที่ไม่เอาไหน คงเสพติดอยู่กับความสบาย เพราะการจัดการศึกษาของเราไม่ได้ช่วยให้คนส่วนใหญ่ตื่นอยู่เสมอ หากยิ่งเสพติดเอาเชื้อโรคความสบายเข้าไปภายในจิตใจ รัฐลงทุนเท่าไหร่คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ ออกไปส่งเสริมแทนที่คนไทยซึ่งเป็นเกษตรกรจะได้รับ นับวันต่างชาติก็จะมีโอกาสมารอรับมากยิ่งขึ้น แล้วเงินของชาติจะตกไปอยู่ในมือผลประโยชน์ของใครล่ะ

ดังจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีสักกี่คนที่ตกใจตื่น ที่ผมพูดถึงตกใจตื่นหมายความว่า "ตี่นขึ้นมาทำงานให้กับชาติบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่ปากก็บอกว่าตื่นแต่ตื่นตระหนกมากกว่า"

เราปล่อยคนชนบทเอาไว้อย่างนี้แล้ว หากผู้ไม่หวังดีหรือมีความหวังดี แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะมีกิเลสหนา เขาเห็นจุดอ่อนหลังจากนั้นจึงวางแผนมาเอาไปใช้เป็นเครื่องมือ แล้วเราจะไปโทษเขาด้านเดียวได้อย่างไร

ผมคิดว่าสำหรับคนที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย อีกทั้งยังเอามาปรนเปรอความสุขให้แก่ตนเองและคนที่ชอบพอ มากกว่าแสดงความห่วงใยแผ่นดินของเรา

ซึ่งประเด็นนี้ไม่ได้หมายความอย่างเดียวว่าจะต้องเอาเงินไปช่วย หากคิดว่าเอาสติปัญญาโดยเฉพาะจิตวิญญาณ ที่มีอุดมการณ์รักแผ่นดินถิ่นเกิดของเรา ลงไปปฏิบัติอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก หากกระทำอย่างมีความสุข นั่นแหละที่พอจะทำให้เชื่อมั่นได้อย่างสนิทใจ

เรื่องนี้คงไม่ได้พูดแต่ปาก แต่สิ่งที่ผมพูดนั้นตัวเองได้ปฏิบัติมาแล้วจึงทำให้เชื่อมั่นได้ ไม่ว่าใครจะทำหรือไม่ทำแต่ผมก็ทำเพราะทำแล้วมีความสุข แม้ไม่ต้องแสดงให้คนอื่นเห็นแต่ตัวเองเห็นนี่แหละดีที่สุด เพราะมันส่งผลทำให้เกิดความยั่งยืน

ผมบอกได้เลยว่าการให้ใจแก่คนในสังคม อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชังนี่แหละครับ

ยิ่งเป็นคนที่ขึ้นไปมีอำนาจระดับสูงด้วยแล้ว ควรจะนำปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่โบราณเขากล่าวฝากไว้ว่า "เมื่อหัวมันส่าย หางมันก็ย่อมกระดิก ตัวมันก็ต้องเลื้อยอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความสง่างามให้เป็นที่เกรงขามแก่ผู้อื่น" อย่างที่ร้อยกรองในอดีตได้กล่าวไว้ว่า

นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย

เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า

พิษน้อยหยิ่งยโส แมลงป่อง

ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี

แม้เราจะเป็นประเทศเล็ก ถ้าถือมั่นอยู่กับอุดมการณ์ดังกล่าวเป็นแนวปฏิบัติ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเราย่อมแก้ปัญหา ช่วยให้ตัวเองอยู่ในโลกนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้แต่บุคคลคนเดียวที่นำปฏิบัติอย่างมั่นคงมาตลอด ก็ยังเป็นที่เคารพรักของคนทั่วโลก

ผมต้องกราบขออภัยที่ขออนุญาตกล่าวว่า เท่าที่ผ่านมาแล้วเราอยู่กันอย่างประมาท ปากก็บอกว่าจะตามรอยพระยุคลบาท บ้างก็บอกว่าจะเดินตามรอยเท้าพ่อ

แต่ส่วนใหญ่แล้วจิตวิญญาณในการปฏิบัติหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คงเป็นแต่ปากพูดมากกว่า เบื้องหลังก็ยังคงหลงเสพความสบาย ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหน แม้ยืนทำงานส่วนใหญ่ก็ยังไม่อยากคิด

ผมเขียนบทความอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งอายุย่างเข้า 88 ปีแล้ว นอนก็คงไม่ต่ำกว่า 5 ทุ่ม ตื่นก็ไม่เกินตี 3 แถมบางวันตื่นขึ้นมาสองยาม ก็ยังมานั่งค้นหาเอกสารที่มันปะปนกันอยู่บนพื้นบ้าน จนกระทั่งแทบจะไม่มีที่เดิน นอกจากมีความจำอันจะนำไปสู่ผลงานที่ชัดเจนให้ตัวเองเชื่อมั่นได้

ผมไม่ต้องไปให้คนอื่นเขามาหลอก เอาไปสอนเรื่องการบริหารงาน เพราะถ้าเรามีคุณธรรมย่อมรู้ความจริงจากใจได้จากศาสตร์ทุกสาขา แม้แต่การบริหารงานก็ยังรู้ได้ว่า การนำปฏิบัติเท่านั้นสามารถเอาชนะใจตัวเองได้ เมื่อเอาชนะใจตัวเองได้สำเร็จก็ย่อมรู้ธรรมะได้อย่างลึกซึ้ง ในที่สุดก็ย่อมรู้ว่าโรงเรียนก็ดี ยิ่งมหาวิทยาลัยด้วยแล้วเป็นเพียงรูปวัตถุ ซึ่งคนสมมติบนพื้นฐานการใช้ประโยชน์เท่านั้น

สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วนี้น่าจะเป็นสัญญา ที่ส่งออกมาจากใจให้รู้ได้ว่ามันเป็นความจริง เมื่อเป็นความจริงก็ควรจะปฏิบัติอย่างได้ผลถึงความจริง โดยไม่ต้องให้ใครมาสอน ถ้าเราไม่ลืมตัวก็ขอให้สอนตัวเองจากความจริงที่อยู่ในใจ

เราบ่นกันมานานแล้วว่าปัญญาเศรษฐกิจนั้นแก้ยาก หากนำปฏิบัติบนพื้นฐานสัจธรรมดังได้กล่าวมาแล้ว ผมขอบอกว่า "ความยากความง่ายมันไม่มีในโลกแห่งความจริง" ถ้าคุณบอกว่ายากก็หมายความว่า คุณเอามาอ้างเพราะไม่ยากทำ คงมีแต่ความเกียจคร้าน ถ้าคุณบอกว่าง่ายย่อมหมายความว่า คุณตกอยู่ในความประมาททำให้ขาดสติ มันก็ร้ายพอๆ กันนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นกรุณาค้นหาความจริงจากใจ นำเอาออกมาทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมิดีกว่าหรือ

ในอดีตหากรู้จักทบทวนตัวเองอยู่เสมอโดยไม่ประมาท คงจะไม่ใช่เป็นคนลืมง่ายนะครับ ว่าครั้งหนึ่งผู้มีอำนาจเคยอ้างโทษของการเสพยาเสพติด หลังจากนั้นก็ใช้อาวุธไล่ล่าฆ่าคนไทยตัวกันเอง ล้มตายเป็นเบืออย่างปราศจากความเมตตาปรานี โดยไม่ได้เรียงลำดับปัญหาว่าอะไรมันใหญ่มันเล็กกว่ากัน

หากรู้ว่าปัญหาใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวผู้รับผิดชอบนั่นแหละ มันควรได้รับการแก้ไขก่อนอื่น ส่วนปัญหาเล็กนั้นมันนอนอยู่ในร่มเงาของปัญหาใหญ่ ถ้าขจัดปัญหาใหญ่ได้สำเร็จ ปัญหาเล็กมันก็ทำได้ไม่ยากหรือก็แทบไม่ต้องทำ หากมันละลายหายไปเองอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะอิทธิพลธรรมชาติภายในจิตใจมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยิ่งเล็กที่สุด จึงแล้วแต่ว่าอะไรมันจะอยู่ด้านไหน

อนึ่ง ถ้าผมจะขอกล่าวว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ขึ้นไปมีอำนาจในระดับสูง แต่รากฐานจิตใจไม่เข้มแข็งพอ หลังจากเสพติดอำนาจแล้วก็ลืมนึกถึงศรัทธาบารมี อันควรสั่งสมคุณงามความดีเอาไว้ให้อยู่เหนือจิตใจผู้อื่น เงินทองก็ไม่ต้องใช้มากหากรู้จักบริโภคอย่างเรียบง่าย นอกจากนั้นแล้วการปฏิบัติยังเป็นแบบอย่างที่ดีของคนทั่วไป

โปรดอย่านึกว่าคนคนเดียวทำไม่ได้ แม้หนึ่งเดียวถ้าให้ความสำคัญแก่จิตวิญญาณ แทนที่จะยึดติดอยู่กับร่างกายแล้วบอกว่าคนเดียวทำไม่ได้ เพราะมีพลเมืองจำนวนมากมาย นั่นคือข้ออ้างโดยใช้วัตถุเป็นเครื่องมือ

ผมยืนยันได้ว่าคนเดียวก็ทำได้ผล แม้กระทั่งคนทั้งโลกเขาก็ยังยกย่องสรรเสริญ

นี่แหละครับ ผมเขียนมายืดยาวเปลืองหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์มามากแล้ว อาจมีเรื่องไร้สาระปะปนอยู่มาก โปรดคิดว่าคนแก่คนหนึ่งมีนิสัยชอบบ่นแค่นั้นก็พอแล้วครับ ผมจะน้อมรับด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ระพี สาคริก

ตอบ อาจารย์ระพี

คนอายุย่างเข้า 88 ปีอย่างอาจารย์ เข้านอน 5 ทุ่ม ตื่นตี 3 เพื่อทำงานแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ คนที่อายุน้อยกว่าแต่เป็นคนสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ ต้องอายคนแก่อย่างอาจารย์นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: