วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

สิ่ง แวดล้อม : สายป่านชีวิต

กนกนภา   เพิ่มบุญพา
กนกนภา เพิ่มบุญพา

คนเราหากได้ใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคุณภาพ น้ำใส สภาพอากาศปลอดโปร่ง ผืนดินชุ่มชื่น ถือเป็นเรื่องโชคดีสุดๆ

เพราะชีวิตทุกวันนี้ของหลายคนจัดเป็นชีวิตที่เลือกไม่ได้ (จะด้วยเหตุ-ปัจจัยใดก็แล้วแต่) โดยเฉพาะชีวิตคนเมืองที่ต้องคำนึงถึงหน้าที่การงานเป็นหลัก เพราะหมายถึงการได้เงินมาจุนเจือใช้จ่ายภายในครอบครัว จนทำให้ประเด็นการได้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในฝันขนาดนั้น กลายเป็นเรื่องของโชคไป

น้ำ หนึ่งในทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อม ที่ถือว่าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนเมือง หรือคนชนบท มนุษย์เงินเดือน หรืออิสรชน ล่าสุด สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาประกาศใน "วันน้ำโลก" จันทร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ประชากรโลกเสียชีวิต 2.2 ล้านคนต่อปี เพราะดื่มน้ำสกปรก สูงกว่าผู้เสียชีวิตจากการทำสงครามเสียอีก

และการลงทุนที่ต่ำแสนต่ำด้านเทคโนโลยีน้ำ เพียง 20 ล้านดอลลาร์ ก็สามารถช่วยครอบครัวเกษตรกรกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ให้หลุดพ้นจากฐานะยากจนได้แล้ว

ไหนๆ ตอนนี้ คนทั่วโลกก็หันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และสภาพอากาศกันเป็นเรื่องเป็นราว ถึงขั้นจัดประชุมระดับโลก เพื่อถกหาวิธีการต่างๆ ในการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้ก่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดกันแล้ว ควรจะเพิ่มประเด็นให้มีการคุ้มครองแหล่งน้ำ และบริหาร จัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืนให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการขยายตัวของประชากรโลก กำลังแข่งขันกับความต้องการน้ำของธรรมชาติ ที่จะนำไปรักษาระบบนิเวศวิทยาไม่ให้เสื่อมถอยมากกว่านี้

ถ้าดูจากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (ยูเอ็นอีพี) จะเห็นว่าประชากรทั่วโลกทิ้งน้ำเสียที่ไม่ได้ผ่านการบำบัดรวมแล้วมากถึงวันละ 2 ล้านตัน และในทุกๆ 20 วินาที จะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เสียชีวิตโดยมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับน้ำ 1 คน ขณะที่ประชากรประมาณ 900 ล้านคนทั่วโลก ยังเข้าไม่ถึงน้ำสะอาด ส่วนอีกประมาณ 2,700 ล้านคน อยู่ในขั้นที่เรียกว่า ขาดแคลนด้านสุขาภิบาล กันเลยทีเดียว

ด้วยความที่ 90% ของน้ำเสียในแต่ละวัน ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่ไม่ได้มีการนำไปบำบัดก่อนทิ้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2.2 ล้านคนต่อปี เพราะโรคอหิวาต์ ที่เกิดจากการดื่มน้ำสกปรก และระบบสุขอนามัยอยู่ในระดับต่ำ และยูเอ็นยังบอกด้วยว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีน้ำด้วยเงินเพียง 20 ล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำระบบชลประทานแบบหยดน้ำ หรือการติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบโยก จะช่วยให้เกษตรกรที่มีฐานะยากจนประมาณ 100 ล้านคน หลุดพ้นจากภาวะยากจนขั้นวิกฤติได้

นอกจากน้ำแล้ว สภาพอากาศรอบตัวก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ดูเหมือนความวิปริต ผิดฤดูกาล เพราะผลพวงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายพื้นที่ของโลก ทำให้สภาพอากาศตามเมืองใหญ่ ด้อยคุณภาพและบางเมืองถึงขั้นเป็นสภาพอากาศที่อันตรายต่อสุขภาพก็มี

เช่นล่าสุด ผลพวงจากพายุทรายในจีน ทำให้ทางการฮ่องกงถึงกับต้องปิดสถานศึกษาทั่วเกาะ และประกาศเตือนประชาชนให้เลี่ยงอยู่กลางแจ้งในพื้นที่เสี่ยง เพราะมลภาวะจากพายุทรายในจีน กำลังแพร่ไปทั่วเกาะ โดยดัชนีชี้วัดมลภาวะในอากาศ (เอพีไอ) ของรัฐบาล บ่งชี้ว่าระดับมลภาวะในฮ่องกง ต่ำกว่าระดับอันตรายสูงสุดที่ระดับ 500 เพียง 5 จุดเท่านั้น

เห็นอย่างนี้แล้ว เราควรมาช่วยกันคนละไม้ละมือ ทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวดีขึ้น จะได้ต่อสายป่านชีวิตให้ยืนยาวออกไปน่าจะดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านเรากำลังลุกเป็นไฟแบบนี้...

ไม่มีความคิดเห็น: