๏ แนวป่าขึงเขตล้อม.........ขุนเขา
ไม้ป่าโปร่งงามเสลา............สลับต้น
นกป่าฉวัดเฉวียนเงา..........ยามสงัด
เที่ยวป่าอาจดั้นด้น.........วิบากด้วยกันดาร๚ะ
๏ ผ่านตัวเมืองห่างเสี้ยว.......ศิวิไลซ์
เข้าสู่ป่าผลัดใบ...........บ่งชี้
อยู่สุดกู่แสนไกล.......กลางเถื่อน
ณ ซับสะเดาหน่วยนี้.......พิทักษ์ท้ายทับลาน๚ะ
๏ ผ่านไร่ใบอ้อยอ่อน........ไหวโอน
รถเขย่านั่งตัวโยน.....กระแทกกระทั้น
ทางขรุขระกระดอนโดน........ดินกรวด
เสียงกระดิ่งคอวัวกระชั้น.......กระชุ่นเท้าตามฝูง๚ะ
๏ ยอดเขาสูงครึ้มเมฆ.......หม่นลอย
แสงหลุบเหมือนรอคอย.......หยาดชื้น
เหงื่อหยดไม่ถดถอย...........ฤๅถอด ใจนา
ทั้งนกแพงนกพื้น............พบได้หลายพันธุ์๚ะ
๏ เที่ยงวันฝนชะล้าง.......ฝุ่นสลาย
ลมชื่นพัดโชยคลาย..........คลี่ร้อน
ม่านเมฆดาดปุยพราย........ขาวพร่าง
เหนือป่าเปลวแดดฟ้อน............ขับฟ้าจรัสสี๚ะ
๏ เริ่มมีเสียงนกร้อง...........ระเริงไพร
ทุกพุ่มพฤกษ์ระทึกไหว..........วิหคเร้น
หนอนแมลงน่าตื่นใจ......ชวนจิก
นกไต่ไม้กระโดดเต้น..........รอบต้นตามกิน๚ะ
๏ เหยี่ยวใหญ่บินร่อนคว้าง....กลางหาว
อีแพร่ดอวดคิ้วขาว............คาดหน้า
หัวขวานเด่นเป็นดาว........ประดับป่า
ตะขาบทุ่งสีเจิดจ้า..........ขณะอ้าปีกถลัน๚ะ
๏ ธรรมชาติสรรค์สร้างสิ่ง........สวยงาม
ใต้ฟากฟ้าสีคราม....ครอบไว้
คนดูนกติดตาม.......โดยตระหนัก
พร้อมรักษ์พร้อมรบให้........ป่าไม้อุดมเสมอ๚ะ๛
ถนนดินลูกรังสีแดงทอดยาวผ่านกลางไร่อ้อยไปสุดสายตา มองเห็นทิวเขาอยู่ลิบๆ
จุดหมายปลายทางของเราคือ ซับสะเดา หน่วยพิทักษ์อุทยาน ทล ๑๒
ของอุทยานแห่งชาติทับลาน
อันเป็นผืนป่าเต็งรังที่ค่อนข้างสมบูรณ์
เคยมีรายงานของนักสำรวจนกเหยี่ยวประจำถิ่น ช่วงปลายปี ๒๕๕๑
ว่าได้พบนกในป่าซับสะเดาถึง ๒๘ วงศ์ จำนวน ๗๘ ชนิด
นับว่าเป็นความเย้ายวนใจยิ่งนักสำหรับคนดูนก
อย่างน้อย.. ก็เคยทำให้ข้าพเจ้าและเพื่อนจิ๋วขับรถดั้นด้นกันไปถึง ๒ ครั้ง
และก็ผิดหวัง รับทานแห้วกันทั้ง ๒ ครั้ง 
เพราะนอกจากเอี้ยงหงอน เอี้ยงสาริกาตามไร่อ้อยระหว่างทาง
กับนกตะขาบทุ่งตัวสองตัวในป่าเต็งรังแล้ว
เราไม่ได้เห็นนกชนิดอื่นๆ ดังที่มีในรายงานเลย
แทบจะเรียกได้ว่าเราขับรถเกือบ ๖๐๐ กิโลเมตร ไปซับถึงสะเดา
และกลับกรุงเทพแบบมือเปล่า
เทพบุตรข้างถนน : นกตะขาบทุ่ง (Indian Roller)
หากถามว่าเข็ดไหม คำตอบของคนดูนกคือ ..ไม่เข็ด!
แล้วคุ้มหรือ.. อาจจะไม่คุ้มนัก แต่ก็ไม่เสียเที่ยว
เพราะอย่างน้อยก็ทำให้คนที่มักหลงทางอย่างเราคุ้นเคยกับเส้นทางมากขึ้น 
เมื่อมีโอกาส คนดูนกจึงไม่ลังเลที่จะไปอีก
รายชื่อนกที่มีคนเคยพบมาแล้วและยังเป็นนกใหม่สำหรับเรานั้น
มักจะทำให้การเดินทางครั้งใหม่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวังเสมอ
จากทางหลวงสาย ๓๐๔ เราเลี้ยวเข้าหมู่บ้านปอแดงตรง กม ๙๒
มุ่งหน้าไปโรงงานน้ำตาลครบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากทางหลวง ๒๑ กิโลเมตร
ด้านข้างโรงงานน้ำตาลจะเป็นจุดเริ่มต้นถนนดินลูกรังสีแดงตัดผ่านไร่อ้อยและมันสำปะหลัง
ซึ่งก็ยังคงทอดยาวเปล่าเปลี่ยวอยู่เช่นเดิม นอกจากฝูงวัวเลี้ยงของชาวบ้าน
ก็มีเพียงรถกระบะสวนทางออกมาเพียงคันเดียว
นกจาบคาหัวสีส้ม (Chestnut-headed Bee-eater)
แต่ไร่อ้อยสองข้างทางถูกเก็บเกี่ยวและขนถ่ายสู่โรงน้ำตาลไปหมดแล้ว
พื้นที่บางส่วนเริ่มมีต้นอ่อนของพืชฤดูใหม่งอกงาม
มีจาบคาหัวสีส้ม จาบฝนปีกแดง และกระเต็นอกขาวเกาะสายไฟให้เห็นเป็นระยะๆ
เหมือนจะทักทายเราไปตลอดทาง
เมื่อเข้าเขตป่าของซับสะเดา ต้นไม้เริ่มหนาตาขึ้น
แต่ก็ยังมีลักษณะพิเศษของป่าเต็งรังคือ พื้นป่าไม่รกเรื้อ
สามารถเดินเข้าไปตามดูนกได้ง่ายๆ ด้วยความรู้สึกปลอดภัย
นกหัวขวานเขียวตะโพกแดง (Black-headed Woodpecker)
แม้ถนนลูกรังสีแดงยังคงทอดยาวไม่สิ้นสุด
จะผ่านดงลึกไปถึงไหน ข้าพเจ้าก็ไม่เคยได้หาคำตอบให้ตนเองสักที
แต่ตามเส้นทางนั้น เราจอดรถเพียงระยะไม่ไกลจากที่ทำการ
แล้วลงเดินแซกซอนสอดส่ายสายตาไประหว่างต้นไม้สูงเปลา
นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง (Common Flameback)
คราวนี้นับเป็นโชคดี เราได้เห็นนกมากมาย มีนกไต่ไม้ ๒ ชนิด นกหัวขวาน ๔ ชนิด
หนึ่งในนั้นเป็นชนิดที่หาดูได้ยาก คือ หัวขวานใหญ่สีดำที่จัดว่าเป็นดาวดวงเด่น
ของป่าซับสะเดา รวมถึงนกอีแพร่ดคิ้วขาว นกปีกลายสก็อต
และนกพื้นๆ อย่างแซงแซวสีเทา นกขมิ้นท้ายทอยดำ นกขี้เถ้าใหญ่
ตลอดจนนกตะขาบทุ่ง เจ้าของปีกสีนำ้เงินเจิดจ้า ฉายาเทพบุตรข้างถนน 
นกหัวขวานใหญ่สีดำ (White-breasted Woodpecker)
นกปีกลายสก็อต (Eurasian Jay)
นกไต่ไม้ท้องสีเม็ดมะขาม (Chestnut-bellied Nuthatch)
นกอีแพร่ดคิ้วขาว (White-browed Fantail)
แซงแซวสีเทา (Ashy Drongo)
ทริปดูนกของคนกลุ่มเล็กๆ อย่างเรา
ใช้เวลา ๒ วัน ๑ คืน ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานซับสะเดาอย่างมีความสุข
ซึ่งเราอดดีใจไม่่ได้ที่แม้จะมีน้ำมีไฟเข้าไปถึง สามารถอำนวยความสะดวก
ได้เพียงพอกับอัตภาพ แต่การเดินทางอันยากลำบากที่เกือบเรียกได้ว่าทุรกันดาร
ทำให้ซับสะเดาไม่ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวทั่วไปมากนัก
เราได้แต่หวังให้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งนี้อยู่ห่างไกลความเจริญอย่างนี้ต่อไปนานๆ
เก็บไว้เป็นบ้านของนก และเพื่อเป็นสถานที่สำหรับคนที่อยากมาเยือนด้วยใจ
มิใช่ต้องการเสพธรรมชาติแบบสำเร็จรูปบนถนน ๘ เลน
ดังกรณีที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาใหญ่ ป่าอีกฟากฝั่งถนนของทับลาน๛
หมายเหตุ :
โคลงและรูปในเอ็นทรี่นี้ เป็นชุดเดียวกับที่ตีพิมพ์ใน คมชัดลึก
ฉบับวันนี้ วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓
ข้าพเจ้าเอามาแปะไว้อีกด้วยความภูมิใจ (เรียกง่ายๆ ว่า.. 'เห่อ' นั่นเอง!) 
หากไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับฮาร์ดค็อปปี้มาดู
ก็คงนึกภาพไม่ออกว่ารูปและเรื่องถูกจัดวางเอาไว้อย่างสวยงามชวนอ่านแบบนี้ 
--
ขอขอบคุณเจ้าของภาพและเรื่องมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ( -/\- )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น